การทยอยรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ออกมาไม่ดี เจพีมอร์แกน เชส และ มอร์แกน สแตนลีย์ รายงานผลประกอบการรายไตรมาส มีผลกำไรลดลงและเตือนว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวใกล้เข้ามาแล้ว ประกอบกับข้อมูลเงินเฟ้อที่ร้อนแรงเกินคาด ทำให้นักลงทุนเทขายดัชนี ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.65) ในกรอบแคบๆ
-ดาวโจนส์ ลดลง 142.62 จุด (0.46%) ปิดที่ 30,630.17 จุด
-เอสแอนด์พี ลดลง 11.40 จุด (0.30%) ปิดที่ 3,790.38 จุด
-แนสแดค เพิ่มขึ้น 3.60 จุด (0.03%) ปิดที่ 11,251.19 จุด
แรงเทขาย เริ่มเบาบางลง หลังจากที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ บอกว่า เขาสนับสนุนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.65 เพียง 0.75% ช่วยคลายความตื่นตระหนก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เริ่มมีความคาดหมายมากขึ้นเรื่อยๆว่าเฟดอาจถึงขั้นจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มิ.ย.65 ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคพุ่งขึ้น 9.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.1981การปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกมากขึ้นของเฟด ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เศรษฐกิจของประเทศจะชะลอตัว
#หุ้นสหรัฐฯ
#ผลประกอบการสถาบันการเงิน
CR:CNBC