+++ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแถลงผลงานรัฐบาลในวันที่ 10 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะเป็นแกนหลักในการแถลง โดยมีการถ่ายทอดสดด้วย นอกจากนี้ จะมีการปรับให้นายกฯ แถลงด้วยความกระชับอีกด้วย ส่วนโฆษกแต่ละกระทรวง จะรับหน้าที่นำข้อมูลต่างๆ ไปแถลงที่กระทรวงเพิ่มเติม พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงจัดทำแอพลิเคชั่นเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทางโทรศัพท์มือถือ ขณะนี้ทุกกระทรวงได้จัดทำแอพลิเคชั่นรวมแล้วกว่า 80 แอพฯ ทั้งในเรื่องของการเสียภาษี พยากรณ์อากาศ แหล่งท่องเที่ยว
+++นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวถึง คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์อดีต รมว.พาณิชย์และพวก ที่อัยการสูงสุด( อสส.) ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า ลักษณะกระบวนการยื่นฟ้องคดีเหมือนกับคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่มีความผิดเพิ่มในส่วนของคดีแพ่งเข้ามาเป็นเงินจำนวน 35,000 ล้านบาท เนื่องจาก มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 หรือพ.ร.บ.ฮั้วประมูล ที่มีบทลงโทษให้ชดเชยมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากมูลค่าและสัญญาที่พบว่ามีการฟ้องร้องว่าทุจริต ในอัตราร้อยละ 50 ของความเสียหายทั้งหมด
+++ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับฟ้องคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหาย โครงการรับจำนำข้าวเปลือกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องไปศาลฎีกา ฯ ในวันที่ 19 พ.ค. ไม่ไปไม่ได้ หากไม่ไป ศาลคงจะเลื่อนการพิจารณาคดีและออกหมายจับ ยืนยันว่าจำเลยต้องออกไปปรากฎตัวต่อศาล เชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปศาลฎีกาฯ แต่หากจำเป็น ไม่สามารถเดินทางไปได้ ก็สามารถบอกศาลล่วงหน้า เพื่อเลื่อนการพิจารณาคดี และรอให้ศาลอนุญาต แต่ถ้าให้ศาลนั่งบัลลังก์แล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มา ตรงนี้เกิดเรื่องแน่นอน
+++รองนายกฯ กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ว่า มีการแต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว โดยนำ พล.ต.ธนาคาร เกิดในมงคล จากคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐ เป็นประธาน นอกจากนี้ยังมี น.ส.อมรวดี จักรไพวงศ์ จากสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ นายไชยา ยิ้มวิไล ผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ มีกรรมการประมาณ 3-4 คน โดยรองนายกฯ และนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ทาบทาม ซึ่งกรรมการชุดดังกล่าว จะตรวจสอบเรื่องของงบประมาณ สปสช. การใช้เงิน การบริหารกองทุน ไม่ใช่การตรวจสอบบุคคล หรือเรื่องของการตรวจสอบวินัย ส่วนคณะกรรมการที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นได้แต่งตั้งไปแล้ว โดยมีนางชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ชุดนี้จะดูเรื่องของ ข้อเท็จจริงต่างๆ ขณะที่ชุดที่ตั้งใหม่ดูเรื่องของการเงิน จึงได้ตั้งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินมาเป็นกรรมการ
+++ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)จากที่จัดเก็บอยู่ร้อยละ 7 ให้เป็นร้อยละ 10 เต็มเพดาน โดยจะต่ออายุการใช้อัตราดังกล่าวต่อไป หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาสิ้น ก.ย.นี้ เพราะหากปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจะส่งผลกระทบต่อประชาชน พร้อมกันนี้รองนายกฯกล่าวว่ารัฐบาลยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจของไทยในปี2558จะขยายตัวได้ร้อยละ 4 แม้ว่าหลายสำนักจะปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจลงมา เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลเร่งรัดการเบิกจ่ายทุกด้าน หลังจากช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 จะมีการเบิกจ่ายล่าช้า แต่ 2 เดือนหลังขยับดีขึ้น คาดว่า จะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนได้ร้อยละ 80 และเบิกจ่ายงบประมาณรวมได้ร้อยละ 98 ในขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2-4
+++คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ปรับลดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเหลือร้อยละ 3.8 เนื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในฐานะเลขานุการ กนง. แถลงรายงานนโยบายการเงินของ กนง.ว่า ได้มีการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2558 ลง จากที่เคยประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 4 ปรับลดลงเหลือ ร้อยละ 3.8 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ ปรับลดจากร้อยละ 1.2 เหลือร้อยละ 0.2 โดยเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่เคยประเมิน ขณะที่แรงกดดันอัตราเงินเฟ้อลดลงจากที่เคยประเมินเนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ พัฒนาการที่สำคัญที่ กนง.นำมาพิจารณาในการประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในครั้งนี้ ประกอบด้วย เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเอเชีย อุปสงค์ในประเทศในไตรมาส 4 ของปี 2557 และเดือนมกราคม 2558 อ่อนแรงลงกว่าที่คาดและการใช้จ่ายของภาครัฐมีแนวโน้มล่าช้ากว่าที่คาดการณ์
+++หุ้นไทย ปิดตลาด ปรับลง2.17จุด ดัชนีอยู่ที่1,529.96จุด มูลค่าซื้อขาย44,751.75ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ของญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี วันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากมุมมองบวกต่อเนื่องเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ดัชนีนิกเกอิเพิ่มขึ้น 83.66 จุด ปิดที่ 19,560.22 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับแต่เดือนเม.ย.2543
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารรายใหญ่ต่างก็ร่วงลงทั่วกระดาน ดัชนีฮั่งเส็ง ลดลง 93.65 จุด ปิดที่ 24,375.24 จุด
+++เจ้าหน้าที่การรถไฟอินเดีย กล่าวว่า มีคนเสียชีวิต 22 ศพ บาดเจ็บหลายคน หลังจากตู้รถไฟ พลิกตะแคงหลังจากเกิดอุบัติเหตุห่างจากเมืองลัคเนา เมืองเอกของรัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือราว 50 กม. มีความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก อุบัติเหตุทางรถไฟร้ายแรงเกิดขึ้นเป็นประจำในอินเดีย ซึ่งมีผู้ใช้บริการเครือข่ายรถไฟวันละหลายสิบล้านคน
+++พนักงานรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียว ของญี่ปุ่น ร่วมกันสงบนิ่งไว้อาลัย ผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียวด้วยแก๊สพิษซาริน เมื่อ 20 ปีก่อน ที่สาวกลัทธิโอมชินริเกียวลอบปล่อยแก๊สพิษซารินโจมตีรถไฟถึง 5 ขบวน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 12 ศพ บาดเจ็บอีกหลายพันคน หลังเกิดเหตุทางการได้จับกุมและดำเนินคดีผู้ก่อเหตุ