ประธานาธิบดีโกตาเบยา ราชปักษา ของศรีลังกา วัย 73 ปี หลบหนีออกนอกประเทศ โดยเครื่องบินทหารลงจอดที่กรุงมาเล เมืองหลวงของประเทศมัลดีฟส์ วันนี้ (13 ก.ค.65) เมื่อเวลา 03.00 น.
นายราชปักษา ต้องหลบหนีออกจากบ้านพัก และหลบซ่อนตัว ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ (9 ม.ค.65) ประชาชนบุกเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมทั้งประกาศลาออกจากตำแหน่งมีผลในวันนี้ เพื่อเปิดทางให้มีการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ หลังการประท้วงขับไล่รัฐบาล ทำให้เขาเตรียมไปลี้ภัยที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) เพื่อเลี่ยงการจับกุมและดำเนินคดีหลังพ้นอำนาจ แต่ความพยายามที่จะหลบหนีออกนอกประเทศโดยเครื่องบินพาณิชย์ถึง 2 ครั้ง ทำไม่สำเร็จ
เอเอฟพี รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สนามบินของศรีลังกา ว่าเมื่อวานนี้นายราชปักษาและภรรยาพยายามจะบินหนีออกนอกประเทศเป็นครั้งที่ 2 เพื่อที่จะเดินทางไปที่ยูเออี แต่ไม่สามารถเดินทางออกไปได้ เนื่องจาก มีปัญหาติดขัดเรื่องการยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ลงตราประทับ
ต้นเหตุของปัญหาเกิดจากการที่นายราชปักษา ต้องการจะยื่นเรื่องในแผนกวีไอพี เพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยหากไปยื่นเอกสารในช่องยื่นเอกสารสำหรับบุคคลทั่วไป เพราะผู้ประท้วงอาจจะเข้าทำร้าย แต่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองศรีลังกา ยืนยันที่จะให้นายราชปักษา ยื่นเรื่องในช่องทางที่จัดให้ผู้โดยสารทั่วไป ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกันที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ ทำให้นายราชปักษาต้องเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้สนามบิน
นายเบซิล ราชปักษา อดีตรัฐมนตรีคลังและน้องชายของนายราชปักษา พยายามจะเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงโคลัมโบ มุ่งหน้าไปที่ดูไบ ยูเออี เช่นเดียวกัน รายงานจาก BBC ระบุแหล่งข่าวอ้างว่า นายเบซิล เดินทางออกนอกประเทศไปที่สหรัฐฯแล้ว
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ มีคนหลายพันคนมารวมตัวกันที่สวนสาธารณะเพื่อรอการลาออกของนายราชปักษา
ชาวศรีลังกาตำหนิการบริหารงานของนายราชปักษา ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เป็นเวลาหลายเดือนที่ประชาชนต้องดิ้นรนกับการถูกตัดไฟทุกวันและการขาดแคลนเชื้อเพลิง อาหาร และยารักษาโรค
การออกจากประเทศของนายราชปักษา ทำให้เสี่ยงเกิดสูญญากาศทางการเมืองในประเทศ ซึ่งต้องการรัฐบาลบริหารประเทศ ให้ผ่านวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ พรรคการเมืองต่างๆ กำลังเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ขณะที่ รัฐสภาศรีลังกา กำหนดวันโหวตเลือกผู้นำคนใหม่ 20 ก.ค.65
#ราชปักษาหนีออกนอกประเทศ
#ศรีลังกา
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.js100.com/en/site/news/view/119712
แฟ้มภาพ
CR:BBC,CNN