ธนาคารในมณฑลเหอหนานทางภาคกลางของจีน ประสบปัญหาวิกฤตขาดสภาพคล่องทางการเงินจนกระทั่งประกาศขอระงับการเบิกถอนเงินจากธนาคารชั่วคราวตั้งแต่เดือนเมษายน ทำให้ผู้ฝากเงินกว่า 1,000 คนในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ปักหลักชุมนุมกันที่ด้านนอกของธนาคารกลางสาขาเมืองเจิ้งโจว เพื่อขอให้ธนาคารกลางสั่งให้ธนาคารท้องถิ่น 4 แห่งยอมคืนเงินฝากแก่พวกเขา
รัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเหอหนาน สั่งให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงสลายการประท้วง โดยตำรวจได้ลากผู้ประท้วงออกจากบริเวณบันไดทางเข้า ซึ่งอยู่ด้านหน้าของธนาคารกลางสาขาเมืองเจิ้งโจว จนกระทั่งเกิดวุ่นวาย ขณะที่ผู้ประท้วงพยายามขัดขืน ขว้างขวดน้ำและวัตถุสิ่งของเล็กน้อยใส่เจ้าหน้าที่ความมั่นคง ขณะที่ผู้ประท้วงหลายคนบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆจากการสลายการประท้วงของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง เช่น ถูกเตะ หรือ ลากออกจากบันไดทางเข้าธนาคาร
ผู้ประท้วงระบุว่า การระงับการเบิกถอนเงินของธนาคารทำให้ลูกค้าหลายแสนคนเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะปัจจุบัน เศรษฐกิจในเหอหนานก็ย่ำแย่อยู่แล้ว จากการประกาศล็อกดาวน์ดาวน์ ปิดห้างร้านและระบบคมนาคมหลายครั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม เพื่อควบคุมการระบาดแบบคลัสเตอร์ของโรคโควิด-19 โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประท้วงมาหลายครั้งแล้วตลอด 2 เดือนมานี้ แต่ข้อเรียกร้องของพวกเขาไม่เป็นผล ไม่ได้รับความสนใจจากทางการจีน รวมถึงธนาคารกลางของจีนเท่าที่ควร
การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ถือว่ามีความอ่อนไหวในทางการเมืองสำหรับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งปกครองประเทศในปัจจุบัน ไม่กี่เดือนก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จัดประชุมใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งหลายฝ่าย คาดว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนจะได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 นับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศจีน นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อ 2 ปีก่อน
#ประเทศจีน
#มณฑลเหอหนาน
#ประท้วงเรียกร้องเงินฝากคืน