นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายให้ไหลออกจำนวนมากนั้น ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการจับตาอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ ยังต้องรอการประเมินสถานการณ์เดือนนี้กับเดือนหน้าก่อน รวมทั้งยังต้องรอดูทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงเดือนส.ค.นี้อีกครั้งด้วย โดยจะหารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ในประเด็นการกำกับดูแลดอกเบี้ยสินเชื่อของธนาคารของรัฐและเอกชน หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ต้องดูในเรื่องของภาคตลาดเงินด้วยไม่ให้ดอกเบี้ยเป็นภาระมากจนเกินไป เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบต่อต้นทุนของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ และผู้ประกอบการ ดังนั้นในแง่ของการกำกับอัตราดอกเบี้ยจึงมีความสำคัญ โดยรัฐบาลพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของภาคเอกชน ในการกำหนดมาตรการต่างๆ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังเตรียมหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงมหาดไทย ในการพิจารณาขยายมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง และมาตรการ LTV ที่จะสิ้นสุดมาตรการในช่วงปลายปี 65 นี้ เพื่อเป็นการดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
ส่วนประเด็นการกู้เงินในกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ยังอยู่ในระหว่างการหารือกันอยู่ แต่เนื่องจากกระแสเงินสดของกองทุนอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการที่จะปล่อยกู้บ้าง แต่ในส่วนของกระทรวงการคลังไม่ได้เบรกในเรื่องของการที่กองทุนน้ำมันจะกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องแต่อย่างใด
#ขึ้นดอกเบี้ย
#หารือแบงก์ชาติ