ฟอร์บส์ รายงาน 50 เศรษฐีไทยปี 2565 'พี่น้องเจียรวนนท์' แชมป์รวยสุดกว่า 9 แสนล้านบาท

08 กรกฎาคม 2565, 13:32น.


          Forbes Thailand รายงานการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565 ซึ่งจากการที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อหน่วยดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงถึงร้อยละ 12 ทำให้มูลค่ารวมทรัพย์สินของมหาเศรษฐีไทย ลดลงเกือบร้อยละ 6 อยู่ที่ 151,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 5,310,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการจัดอันดับปีที่ผ่านมา



          ในขณะที่ 10 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565 นี้ มีสมาชิกใหม่คือ นายวานิช ไชยวรรณ มหาเศรษฐีอันดับ 8 ที่เลื่อนจากอันดับ 14 จากการอันดับเมื่อปีที่ผ่านมา แทนที่นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ และ นางดาวนภา เพชรอำไพ จากเมืองไทย แคปปิตอล ที่รั้งอันดับมหาเศรษฐีอันดับ 12 ในการจัดอันดับมหาเศรษฐีไทยในครั้งนี้



          และ 3 อันดับแรกยังไม่มีการเปลี่ยนอันดับจากปีที่ผ่านมา



อันดับ 1 ยังคงเป็นพี่น้องเจียรวนนท์ มูลค่าทรัพย์สินรวมลดลง 3.7 พันล้านเหรียญ ซึ่งมาจากอัตราแลกเปลี่ยนสหรัฐฯ ส่งผลทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 2.65 หมื่นล้านเหรียญ (9.33 แสนล้านบาท) สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของกลุ่มบริษัทในเครือซีพี คือดีลการควบรวม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กับบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ที่ยังคงรอคอยการอนุมัติจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.)



อันดับ 2 นายเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว จากยอดขายของเครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ที่เติบโตจากทั่วโลก ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของมหาเศรษฐีอันดับสอง เพิ่มขึ้นอีก 1.9 พันล้านเหรียญ มูลค่าทรัพย์สินในการจัดอันดับประจำปีนี้อยู่ที่ 2.64 หมื่นล้านเหรียญ (9.30 แสนล้านบาท) ซึ่งใกล้เคียงกับมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง



อันดับ 3 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี จากเครือไทยเบฟเวอเรจ มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 1.12 หมื่นล้านเหรียญ (3.94 แสนล้านบาท)



อันดับ 4 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ดำเนินธุรกิจด้านธุรกิจพลังงาน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านเหรียญ (3.87 แสนล้านบาท) เป็นอีกหนึ่งใน 10 รายที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น และจากอานิสงส์ของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2.2 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้ติดในรายชื่ออันดับที่ 4 นอกจากธุรกิจพลังงานแล้ว ยังเดินหน้าขยายความร่วมมือทางธุรกิจนำ GULF, บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS และ Sintel เตรียมจัดตั้งศูนย์ข้อมูลในประเทศ



อันดับ 5 ตระกูลจิราธิวัฒน์ ดำเนินธุรกิจค้าปลีก มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 1.06 หมื่นล้านเหรียญ (3.73 แสนล้านบาท)



อันดับ 6 นายสมโภช อาหุนัย และครอบครัว ดำเนินธุรกิจพลังงาน บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 3.9 พันล้านเหรียญ (1.37 แสนล้านบาท)



อันดับ 7 นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ดำเนินธุรกิจการแพทย์ มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 3.1 พันล้านเหรียญ (1.09 แสนล้านบาท)



อันดับ 8 นายวานิช ไชยวรรณ ดำเนินธุรกิจประกันชีวิต บมจ.ไทยประกันชีวิต มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 3 พันล้านเหรียญ (1.05 แสนล้านบาท)



อันดับ 9 นายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ และครอบครัว ดำเนินธุรกิจสีทาอาคาร บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ ประเทศไทย (TOA) มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 2.8 พันล้านเหรียญ (9.86 หมื่นล้านบาท)



อันดับ 10 ตระกูลโอสถานุเคราะห์ ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่ม บมจ.โอสถสภา (OSP) มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 2.7 พันล้านเหรียญ (9.51 หมื่นล้านบาท)



          สำหรับมหาเศรษฐีใหม่ 3 รายในปีนี้ ได้แก่



1. นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ บมจ.เจ มาร์ท (JMART) ติดในรายชื่อมหาเศรษฐีไทยในอันดับที่ 37 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 835 ล้านเหรียญ (2.94 พันล้านบาท) อันเนื่องจากมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น



2. นายสุระ คณิตทวีกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ติดในรายชื่อมหาเศรษฐีไทยในอันดับที่ 49 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 670 ล้านเหรียญ (2.36 พันล้านบาท) ขณะที่มูลค่าหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นของ COM7 หนึ่งในผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์จาก Apple รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย



3. นายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ผู้ร่วมก่อตั้งคลินิกเสริมความงามพงศ์ศักดิ์ และยังเป็นนักลงทุนสาย (Value Investor: VI) ติดในอันดับที่ 50 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 655 ล้านเหรียญ (2.3 พันล้านบาท) ซึ่งหนึ่งในพอร์ตหุ้นที่ถือครองมีหุ้นของกลุ่ม Com7 อยู่ส่วนหนึ่ง



          สำหรับมหาเศรษฐีที่กลับเข้าสู่อันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 65 มีจำนวน 3 ราย ได้แก่



นายกัลกุล ดำรงค์ปิยวุฒิ์ ผู้ก่อตั้ง บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ซึ่งห่างหายจากการเป็นหนึ่งใน 50 รายชื่อเป็นเวลา 4 ปี โดยบริษัทด้านพลังงานนี้ได้เดินทางสู่ธุรกิจใหม่ด้านกัญชา-กัญชง



อีก 2 มหาเศรษฐีที่กลับเข้าสู่อันดับ ได้แก่ นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC)



และนายพิชญ์ โพธารามิก ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นนอล (JAS)



          การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 65 ขีดเส้นมูลค่าทรัพย์สินต่ำสุดของผู้ที่ติดในการจัดอันดับมหาเศรษฐีทั้ง 50 คนที่ 655 ล้านเหรียญ ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ขีดเส้นไว้ที่ 737 ล้านเหรียญ และในการจัดอันดับประจำปีนี้มีมหาเศรษฐีไทยที่หลุดจากอันดับจำนวน 6 ราย หนึ่งในนั้นคือนายสมหวัง และนายไวยวุฒิ สินเจริญกุล บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ซึ่งหนึ่งกลุ่มบริษัทที่ผลิตถุงมือยาง ได้รับผลกระทบเนื่อง จากความต้องการของถุงมือยางลดลง ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19





...



#ForbesThailand 



#50เศรษฐีไทย



Forbes Thailand Magazine

ข่าวทั้งหมด

X