หอการค้าไทย ชี้ ลดเบนซิน-โซฮอล์ 3 บาทต่อลิตร กระตุ้นเศรษฐกิจ คาดGDPปีนี้โต 3.1%

07 กรกฎาคม 2565, 16:38น.


          เศรษฐกิจไทยในวันนี้  นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประมาณการจีดีพีในปีนี้อยู่ที่ 2.5-3.5 % ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน  โซฮอล์ ที่ประกาศลดลง 3 บาทต่อลิตรมีผลในวันพรุ่งนี้ เป็นสิ่งที่พยุงอำนาจซื้อในระบบเศรษฐกิจ ประชาชน และรองรับเทศกาลวันหยุดยาวในสัปดาห์หน้า น้ำมันลดลงทุกๆ 1 บาท จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ 0.1% ต่อปี  หากลดไปได้ 3 บาท จะดึงเศรษฐกิจได้ 0.15% มีเม็ดเงินสะพัดในระบบ 90 ล้านบาทต่อวัน ทำให้เงินจำนวนนี้ มาหนุนกำลังซื้อในประเทศ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมิ.ย. อยู่ที่่ 41.6





          ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) ประจำเดือนมิ.ย. 65 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจและหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ในระหว่างวันที่ 22-30 มิ.ย. 65 นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 36.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 35.2 ในเดือนพ.ค.65 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนม.ค.65 สะท้อนว่า ภาคธุรกิจเริ่มมองเห็นทิศทางในด้านบวกมากขึ้น จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมทั้งการผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางของนักท่องเที่ยว





          ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกับดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือน มิ.ย. 65 มีดังนี้ โดยปัจจัยบวก ได้แก่



1.ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 ยกเลิกการกักตัวทุกรูปแบบ สำหรับคนไทยไม่ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass และไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศ ส่วนชาวต่างชาติยังต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass



2.ผ่อนคลายให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถกลับมาเปิดบริการได้ในพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า)

3.คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง และปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ใหม่ โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.3% จากเดิม 3.2% ส่วนปี 66 คาดว่าจะขยายตัวได้ 4.2% จากเดิม 4.4%

4.การส่งออกของไทยเดือน พ.ค. 65 ขยายตัว 10.47% มูลค่าอยู่ที่ 25,508.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้าขยายตัว 24.15% มีมูลค่าอยู่ที่ 27,383.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,874.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

5.ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น หรือทรงตัวในระดับที่ดี โดยเฉพาะข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์



          แต่ยังมีปัจจัยลบได้แก่



1.ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2.00 บาทต่อลิตร เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา รวมถึงแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 (E10) ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1.30 บาทต่อลิตร

2.ความกังวลของเศรษฐกิจยังชะลอตัวลง ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง



3.สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกให้ช้าลง

4.ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงเกิดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจ และยังคงมีสายใหม่พันธุ์เกิดขึ้นเรื่อยๆ

5.SET Index เดือน มิ.ย. 65 ปรับตัวลดลง 95.08 จุด จาก 1,663.41 ณ สิ้นเดือนพ.ค. 65 เป็น 1,568.33 ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 65

6.ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 34.416 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนพ.ค. 65 เป็น 34.972 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 65



          ภาคเอกชนมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ และแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาคือ



1.มาตรการดูแลเรื่องต้นทุน ราคาปัจจัยการผลิต และต้นทุนการดำเนินงานต่างๆ

2.มาตรการดูแลราคาพลังงาน เช่น น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า และอื่นๆ ให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงจนเกินไป จนทำให้ต้นทุนการประกอบกิจการและการดำเนินชีวิตของประชาชนสูงขึ้น

3.มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ในช่วงที่ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้น

4.แนวทางการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่สำคัญทั่วประเทศไทย

5.การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตภาคประชาชน และภาคธุรกิจอีกครั้ง

6.กระตุ้นประชาชนให้เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดผลรุนแรงหากได้มีการสัมผัสเชื้อ

ข่าวทั้งหมด

X