สถานการณ์โควิด-19 ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทั่วโลกพบการระบาดของ BA.4 BA.5 ไปแล้วกว่า 110 ประเทศ การรายงานตัวเลขติดเชื้อต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะหลายประเทศเลิกตรวจแล้ว บางประเทศที่ตรวจก็ไม่ได้ตรวจสายพันธุ์ ซึ่งไทยก็ไม่แตกต่าง เพราะมีการเปิดประเทศ จึงพบ BA.4 BA.5 จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยที่เดินทางกลับมา เมื่อมาถึงก็ตรวจน้อยลง โอกาสแพร่กระจายเชื้อจึงมากขึ้น คาดว่าไม่นาน BA.4 BA.5 จะเป็นสายพันธุ์หลัก แต่ข้อมูลทั่วโลกพบว่าเชื้อไม่ก่อความรุนแรง
สิ่งที่ต้องย้ำ คือ มาตรการต่างๆ ต้องกลับมากระชับมากขึ้น ใส่หน้ากาก การเว้นระยะห่าง และล้างมือด้วย อยากรณรงค์เร่งฉีดวัคซีนให้ครบ โดยเฉพาะเข็มกระตุ้นที่ฉีดได้แค่ 42-43% จากที่ตั้งเป้าไว้ 50% เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มเสี่ยง 608 ที่ฉีดเข็ม 3 ยังเสียชีวิต ขณะนี้แม้ฉีด 4 เข็มก็เสียชีวิตได้ อย่ารอวัคซีนรุ่น 2 เพราะกว่าจะออกมาฉีดได้คาดว่าในช่วงปลายปี เพราะยังอยู่ขั้นตอนทดลองในมนุษย์
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ประเมินสถานการณ์เวลานี้อาจจะไม่รุนแรงเหมือนช่วงเดลตา ปัจจัยมาจากคนฉีดวัคซีนไปค่อนข้างมาก และเชื้อไม่ได้รุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น แต่เชื้อแพร่ระบาดเร็วมาก หากแพร่เร็วจนเพิ่มจำนวนมากก็เสี่ยงที่เกิดการกลายพันธุ์ได้ แต่ที่น่าห่วง คือ กลุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้รับเชื้อจากคนที่ไม่แสดงอาการ จึงต้องย้ำถึงการฉีดวัคซีนให้ครบ แม้ไม่ได้ป้องกันติดเชื้อ แต่ยังป้องกันความรุนแรง
สำหรับผู้ป่วยโควิดใน รพ.ศิริราช มีเข้ามารักษาเพิ่มขึ้นจริง โดยเฉพาะผู้ป่วยไอซียูที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาด้วยโรคประจำตัว เมื่อมาตรวจกลับพบเป็นโควิดร่วม ขณะนี้ เตียงรองรับผู้ป่วยโควิดยังเพียงพอ แต่ไม่ได้วางใจ เตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่อเนื่อง
ทั้งยังเข้มมาตรการส่วนบุคคลในบุคลากรทุกระดับที่ยังต้องใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ เพราะไม่รู้ว่าคนที่เดินไปมาติดเชื้อหรือไม่ ขณะที่ ผู้ป่วยระดับสีเขียวเข้ามารักษาเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่จากการติดตามอาการหลังกินยา 4-5 วันก็หาย ไม่ได้รุนแรง รพ.ศิริราช และ สธ.ได้มอนิเตอร์เฝ้าระวังสถานการณ์อยู่ต่อเนื่อง
#โอไมครอน
#โควิด19
แฟ้มภาพ