นายรณรงค์ พูนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยรายละเอียดเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อ
-ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนมิ.ย. 65 อยู่ที่ระดับ 107.85 เพิ่มขึ้น 7.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าที่ตลาดคาด 7.5% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.90% จากเดือน พ.ค.65 และ เม.ย.65 และสูงกว่าเดือนก.พ. 65และมี.ค.65 ที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปี ทำให้เดือนมิ.ย.65 ยังทำสถิตเงินเฟ้อที่ถือว่าสูงสุดในรอบ 13 ปี
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการของภาครัฐที่พยายามช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และผู้ประกอบการภาคเอกชนได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรึงราคาขายปลีกเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อค่าครองชีพของประชาชน คำนึงถึงการได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างสมดุล ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค
-จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้เงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ยครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 5.61%
-ขณะที่ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนมิ.ย. 65 อยู่ที่ระดับ 102.99 เพิ่มขึ้น 2.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.24% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 1.85%
ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนในหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนค.จะยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 65 ไว้ในกรอบเดิมที่ 4-5% โดยค่ากลางอยู่ที่ 4.5%
สินค้าสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 7.66 %
-กลุ่มพลังงาน มีอัตราการเติบโตของราคาร้อยละ 39.97 จึงส่งผลให้พลังงานมีสัดส่วนถึงร้อยละ 61.83 ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ ทั้งนี้ สินค้ากลุ่มพลังงานประกอบด้วย น้ำมันเชื้อเพลิง มีอัตราการเติบโตของราคาร้อยละ 39.45 ค่าไฟฟ้าร้อยละ 45.41 และราคาก๊าซหุงต้มร้อยละ 12.63
-กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มีอัตราการเติบโตของราคาร้อยละ 6.42 ส่งผลให้กลุ่มอาหาร มีสัดส่วนร้อยละ 34.27 ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ เช่น เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ และเครื่องประกอบอาหาร สาเหตุที่กลุ่ม อาหารมีราคาเปลี่ยนแปลง เนื่องจากพลังงานเป็นต้นทุนแฝงในกระบวนการผลิตสินค้าอาหารทุกขั้นตอน ตลอดจน เป็นต้นทุนโลจิสติกส์และราคาวัตถุดิบทั้งหมด
-สินค้าอื่นๆ มีสัดส่วนร้อยละ 3.9 ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ เช่น สิ่งที่เกี่ยวกับการทำาความสะอาด (น้ำยา ล้างจาน น้ำ ยาปรับผ้านุ่ม) ของใช้ส่วนบุคคล (สบู่ถูตัว ยาสีฟัน) ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (บุหรี่ เบียร์ สุรา) และค่าโดยสารสาธารณะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่ สินค้าสำคัญอีกหลายรายการราคาปรับลดลง
-กลุ่มข้าวแป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลดลงร้อยละ 2.73 โดยเฉพาะราคาข้าวสาร เนื่องจากปริมาณผลผลิต มีจำ นวนมาก และการจัดโปรโมชันตามห้างสรรพสินค้า
-กลุ่มผลไม้สด ลดลงร้อยละ 2.53 เช่น เงาะ มังคุด ลองกอง ตามปริมาณผลผลิตที่มีค่อนข้างมาก
-กลุ่มการสื่อสาร ลดลงร้อยละ 0.08 เช่น ค่าส่งพัสดุไปรษณีย์ และค่าเครื่องรับโทรศัพท์มือถือ
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อไตรมาสที่ 3 ปี 65 ยังมีแนวโน้มขยายตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนมิ.ย.65
-ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.3 จากระดับ 44.7 ในเดือนก่อนหน้า
-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับลดลงจากระดับ 35.2 มาอยู่ที่ระดับ 34.4
-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ปรับลดลงจากระดับ 51.0 มาอยู่ที่ระดับ 50.9
-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ที่ปรับลดลงยังอยู่ในระดับที่มีความเชื่อมั่น คือ ยังสูงกว่าระดับ 50
สาเหตุที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับลดลง เกิดจากความกังวลต่อราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้น ขณะที่รายได้ เท่าเดิมหรือลดลง เนื่องจาก เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ประกอบกับความขัดแย้งในยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการของภาครัฐที่ทยอยออกมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการท่องเที่ยว การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมและการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง จะส่งผลให้ดัชนี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงขึ้นได้ในระยะต่อไป
#เงินเฟ้อเดือนมิถุนายน
#ความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.tpso.moc.go.th/th/node/8939
CR:สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า