ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ลงนามคำสั่งควบคุมโครงการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซัคคาลิน-2 (Sakhalin-2) ในพื้นที่ตะวันออกไกล ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทซัคคาลิน เอนเนอร์ยี อินเวสต์เมนท์ (Sakhalin Energy Investment Co) มีบริษัทเชลล์ (Shell) บริษัทพลังงานสัญชาติดัตช์-อังกฤษถือหุ้นอยู่ร้อยละ 27.5 ร่วมด้วยบริษัทมิตซุย (Mitsui) กับมิตซูบิชิ (Mitsui) จากญี่ปุ่น ถือหุ้นรวมกันอีกเกือบร้อยละ 50
ในคำสั่งของประธานาธิบดียังให้มีการจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่เพื่อเข้าดูแลจัดการสิทธิ์และความรับผิดชอบต่างๆ ของบริษัทซัคคาลิน เอนเนอร์ยีฯ และทำเนียบประธานาธิบดีจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะอนุญาตให้หุ้นส่วนต่างชาติรายใดสามารถดำเนินธุรกิจในรัสเซียต่อไปได้
สำหรับโครงการซัคคาลิน-2 มีบริษัท ก๊าซพรอม (Gazprom) ของทางการรัสเซียเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ได้มากถึง 12 ล้านตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 4 ของการผลิตทั่วโลก มีลูกค้าสำคัญคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน อินเดีย และอีกหลายประเทศในเอเชีย ซึ่งรัสเซียจะยืนยันว่าการควบคุมโครงการไม่ส่งผลให้ต้องหยุดการผลิตและจัดส่งพลังงาน
โดยที่ญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ เปิดเผยว่า คำสั่งประธานาธิบดีรัสเซีย ไม่มีผลต่อการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวจากรัสเซีย ขณะที่บริษัทมิตซุยและมิตซูบิชิ ยังเป็นผู้ถือหุ้นในโครงการซัคคาลิน-2 โดยมิตซุยถือหุ้นร้อยละ 12.5 และมิตซูบิชิถือหุ้นร้อยละ 10
ที่ผ่านมา มีบริษัทสัญชาติตะวันตกที่ถอนการลงทุนในรัสเซียแล้วหลายแห่ง ขณะที่บริษัทเชลล์ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่ามีความตั้งใจที่จะถอนตัวจากโครงการซัคคาลิน-2 โดยเริ่มกระบวนการเจรจากับผู้ที่สนใจซื้อหุ้นจากเชลล์แล้ว และกำลังตรวจสอบผลกระทบจากคำสั่งประธานาธิบดีรัสเซียในครั้งนี้ ซึ่งบริษัทคาดว่ารัสเซียมีเป้าหมายแปรรูปทรัพย์สินที่บริษัทต่างชาติถือครองอยู่ให้มาเป็นของรัฐ ตามที่ประธานาธิบดีปูติน กล่าวหลายครั้งว่า จะตอบโต้สหรัฐฯ และพันธมิตรที่ออกมาตรการคว่ำบาตรและมีการยึดอายัดทรัพย์สินต่าง ๆ ของรัสเซีย
....
#รัสเซีย
#ก๊าซธรรมชาติ