นายเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลก เปิดเผยในรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส นิวส์ ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญภาวะชะลอตัวอย่างหนัก โดยได้รับแรงกดดันจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย พร้อมเตือนว่า บางประเทศยากที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราเห็นว่า เศรษฐกิจโลกขยายตัวลดลงครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่เดือนม.ค.65 ในแง่ของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
นายมัลพาสส์ แนะนำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดความสนใจเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หันมาสนใจนโยบายการกำกับดูแลกฎระเบียบให้มากขึ้น โดยอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ ปล่อยสินเชื่อเพิ่มและลดการถือพันธบัตรเพื่อให้มีเงินสำหรับปล่อยเงินกู้มากขึ้น เพื่อนำไปเพิ่มการผลิตและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน
นอกจากนี้ ไม่เห็นด้วยกับคำเตือนของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามีความเป็นไปได้อย่างแน่นอนว่าสหรัฐฯจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงการประมาณการณ์เมื่อไม่นานมานี้ของเฟดว่าต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะสามารถสกัดเงินเฟ้อได้ เนื่องจาก คิดว่าต้องใช้เวลาสักพัก อาจจะหลายเดือน หรือสองปีจึงจะควบคุมเงินเฟ้อได้
ก่อนหน้านี้ ประธานธนาคารโลก เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก(Global Economic Prospects) ว่า ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงมาที่ร้อยละ 2.9 เตือนว่า หลายประเทศอาจจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวและเงินเฟ้อสูงขึ้น (stagflation) คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2513 คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นในปี 2566-2567
สำหรับเศรษฐกิจไทย ธนาคารโลก คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 2.9 ในปีนี้ และร้อยละ 4.3 ในปีหน้า เป็นผลจากการฟื้นตัวของธุรกิจการท่องเที่ยว สำหรับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (advanced economies)เช่น กลุ่มจี-7 ธนาคารโลก ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตมาที่ร้อยละ 2.6 ในปีนี้จากร้อยละ 5.1 ในปีที่แล้ว คาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะเติบโตร้อยละ 2.2 ในปีหน้า
ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกอ่อนแอและมีเงินเฟ้อสูงขึ้น(stagflation) ในปี 2513 ธนาคารกลางของบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วแก้ปัญหานี้ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้เกิดวิกฤติทางการเงินในตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก
#ธนาคารโลก
แฟ้มภาพ