*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา07.30น.*

+++กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานสถานการณ์ คุณภาพอากาศพื้นที่ภาคเหนือ ระดับสารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐานได้แก่ ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) จากค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พบว่าเกินมาตรฐานที่ อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.เมือง น่าน, อ.เมือง จ.พะเยา, อ.เมือง จ.ลำปาง, ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, อ.เมือง จ.ลำพูน, อ.เมือง จ.เชียงราย, อ.แม่สาย จ.เชียงราย, ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่, อ.เมือง จ.แพร่, อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ก๊าซโอโซน (O3) ตรวจพบค่าระหว่าง 79-125 ส่วนในพันล้านส่วน เกินมาตรฐานที่บริเวณ อ.เมือง จ.พะเยา, อ.เมือง จ.ลำปาง, ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, อ.เมือง จ.ลำพูน และ อ.เมือง จ.เชียงราย

+++นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ได้จับกุมนายกิมเม็ด ใจมา อายุ 58 ปี นายคำแก้ว คำวงค์ อายุ 51 ปี นายมา แสงเมือง อายุ 70 ปี และ นายอังคาร ประนุภาพ อายุ 49 ปี พร้อมปืนลูกซองยาวไทยประดิษฐ์ ไม่มีหมายเลขทะเบียน 2 กระบอก กระสุน 4 นัด เชื่อได้ว่าเป็นผู้ลักลอบเผาป่าในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวง บริเวณ ต.แม่นาเรือ แม้ว่าผู้ต้องสงสัยทั้งหมดจะให้การปฏิเสธ แต่พฤติกรรมและการเข้าไปอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ จึงเชื่อได้ว่าเป็นผู้เผาป่าเพื่อล่าสัตว์ หรือเผาเพื่อจับจองที่ดิน เพราะมีการสร้างห้างอย่างถาวรและเลี้ยงสัตว์รวมอยู่ด้วย กองทัพภาคที่ 3 ยังขอรับการสนับสนุนเครื่องบินลำเลียง ซี-130 จำนวน 1 ลำ จากกองทัพอากาศ นอกจากนี้ ทางกองทัพสิงคโปร์ให้การสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ชีนุก 2 ลำ พร้อมตะกร้าบรรจุน้ำ เข้าร่วมภารกิจดับไฟป่าและหมอกควันในขณะนี้ด้วย

+++นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ประชุมติดตามแผนป้องกันน้ำท่วมประจำปี 2558 ว่า ได้เร่งรัดให้ 6 กลุ่มเขตร่วมกับสำนักการระบายน้ำ จัดทำแผนลอกคูคลองเพื่อเปิดทางน้ำไหลกลุ่มเขตละ 1 คลอง เนื่องจากในเดือนเมษายนนี้อาจเกิดพายุฤดูร้อน มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงจนเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะจุดอ่อนน้ำท่วม นอกจากนี้ ได้จัดเตรียมกระสอบทรายไว้สำรองอีก 5,117,310 ใบ และสั่งการให้เตรียมพร้อมหน่วยเบสท์และสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม

+++กรมอุตุฯ เตือนว่า วันที่ 21-25 มีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ทั่วทุกภาคอากาศร้อน มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ภาคเหนือ ร้อนมาก อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส กรุงเทพฯ อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส 

+++การขยายผลดำเนินคดีผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลอาญา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) นำกำลังคุมตัว นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ และนายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยศิริ หรือเจต ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารในคดีร่วมกันก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ในคดีร่วมกันขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ส่งมอบให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สอบปากคำ ก่อนที่เช้านี้ ควบคุมตัวนำฝากขังศาลทหารต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ส่งมอบผู้ต้องหาในขบวนการแล้ว13 คน ยังมีผู้ต้องหาตามหมายจับอยู่ในการควบคุมของทหาร 2 คน คือ นายวสุ เอี่ยมละออ มีหมายจับข้อหาร่วมกันก่อการร้าย และนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ และยังหลบหนีอีก 2 คน คือ นายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ผู้บงการและผู้จ้างวาน และนายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา ผู้ร่วมวางแผนและจัดหาระเบิด ผบ.ตร. ระบุว่า เหตุจูงใจ นอกจากค่าจ้างแล้วกลุ่ม ผู้ต้องหายังมีอุดมการณ์แนวคิดทางการเมือง ที่เหมือนกัน การก่อเหตุแต่ละครั้งมีเหตุผลหลายอย่าง ทั้งอุดมการณ์ที่ตรงกัน ถูกหลอก ถูกชักจูง และเงินค่าจ้าง เป็นการซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกันเอง

+++นายวันชัย สอนศิริ โฆษกวิปสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช. )เปิดเผยถึงการประชุมวิป สปช.ว่า ได้ชี้แจงเรื่องการแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของสปช. โดยมีการตั้งครือญาติมาช่วยงานว่า หลัง สนช.มีมติให้ปรับเปลี่ยนออกทั้งหมด จึงใช้แนวทางเดียวกับ สนช. มีมติให้สมาชิก สปช. ปรับเปลี่ยนผู้ช่วยลักษณะดังกล่าวออกทั้งหมด เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน ในส่วนของกระบวนการตามมติให้ผู่ช่วยลาออก จะแจ้งให้สมาชิกทราบต่อไป เป็นเพียงมติให้ปรับเปลี่ยนผู้ช่วย เป็นข้อแนะนำ บอกกล่าว โดยเชื่อสมาชิกปฏิบัติจะตามและไม่มีเสียงขัดแย้งในมตินี้

+++คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า จัดสัมมนาหัวข้อ สานพลังนักวิชาการ ในการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายใต้ โครงการสู่ทศวรรษที่เก้า: ก้าวใหม่ของระบอบประชาธิปไตย

+++ปัญหาการยักยอกเงินสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เกิดความหวั่นวิตกแก่สมาชิกสหกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเจ้าหนี้ โดยได้มีการถอนเงินฝากออกจากสหกรณ์ที่เป็นสมาชิกอยู่และอาจส่งผลกระทบต่อระบบสหกรณ์ได้ ส่วนการติดตามเงินคืน ล่าสุดวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยอมไกล่เกลี่ยคืนเงินบริจาค 684.78 ล้านบาท ให้แก่สหกรณ์คลองจั่นแบ่งจ่าย 6 งวด ในขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่รับผิดชอบเรื่องคดี ก็ยังเดินหน้าสืบสวนตรวจสอบกลุ่มที่มีรายชื่อรับเช็คเงินสดจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่น พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีพิเศษ 3 ดีเอสไอ กล่าวว่า ชุดติดตามร่องรอยทางการเงินได้ลงพื้นที่ต่างจังหวัดหลังจากพบว่านายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คเงินสด 23 ล้านบาท ให้กับพระครูศรีมหาชยาภิมณฑ์ เจ้าอาวาสวัดปัจฉิมทัศน์ จ.มหาสารคาม เพื่อนำไปซื้อที่ดินบริเวณข้างวัด ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้วหลายราย และจะมีการรายงานผลความคืบหน้าในส่วนนี้ให้ที่ประชุมรับทราบในวันพรุ่งนี้  

+++นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ในฐานะคณะทำงานปรึกษาคดีพิเศษดีเอสไอในการสอบสวนคดียักยอกฉ้อโกงสหกรณ์คลองจั่น กล่าวถึงการดำเนินการเอาผิดวัดพระธรรมกายว่า การประชุมวันพรุ่งนี้ ดีเอสไอจะนำเรื่องนี้เข้าประชุมอีกครั้งว่าจะพิจารณาดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร  ชี้แจงในเบื้องต้นว่า คดีนี้ถ้าเป็นลักษณะฉ้อโกงประชาชนก็ไม่สามารถยอมความได้ ส่วนการกระทำของวัดพระธรรมกายจะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ต้องรอดูผลพิจารณาในการประชุมพรุ่งนี้ก่อน

+++ขณะที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. เปิดเผยว่า คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่นและพวก เพิ่มเติมอีก 192 รายการ มูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท เป็นเวลา 90 วัน ตามกฎหมาย ปปง. โดยนายศุภชัยและพวกสามารถใช้สิทธิชี้แจงที่มาของทรัพย์ได้ตามขั้นตอน ซึ่งการยึดอายัดทรัพย์ดังกล่าวสืบเนื่องจากนายศุภชัยนำเงินที่ได้จากการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์คลองจั่นไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ โดยใส่ชื่อตัวเองหรือผู้อื่นเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินเพื่อเจตนาซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน ทั้งนี้ทรัพย์สินที่ ปปง.ยึดอายัดเพิ่มเติมทั้งหมดจะส่งให้พนักงานสอบสวนไปบริหารจัดการต่อไปและเชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้เสียหายจากคดีสหกรณ์คลองจั่นจะได้เงินคืนทั้งหมด แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการทรัพย์สินของสหกรณ์คลองจั่น ในส่วนของวัดพระธรรมกายที่มีการไกล่เกลี่ยและตกลงคืนเงินให้หากเป็นคดีที่สามารถยอมความได้ก็สามารถกระทำได้อยู่แล้ว แต่กรณีที่เป็นคดีอาญาทาง ปปง.จะดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินร่วมกับดีเอสไอต่อไป

+++นอกจากนี้  มติคณะกรรมการธุรกรรมการให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คดียักยอกทรัพย์ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่มีนายทรงกลด ศรีประสงค์ นางสาวอัมพร น้อยสัมฤทธิ์ และนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด เป็นผู้ต้องหา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ปปง.ตรวจสอบพบว่า นายทรงกลดและนางสาวอัมพรกับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพิ่มเติมอีก 24 รายการ มูลค่าประมาณ 8,070,000 บาท จึงได้มีมติให้อายัดไว้เช่นเดียวกัน ประกอบด้วย 1.ห้องชุดของนายกิตติศักดิ์จำนวน 2 ห้อง ประมาณ 5,204,329 บาท 2.บัญชีเงินฝากของนางระดม มัทธุจัด จำนวน 1 บัญชี จำนวน 50,978.34 บาท 3.บัญชีเงินฝากของนายทรงกลด 2 บัญชี จำนวน 2,234,963.42 บาท 4.รถจักรยานยนต์ของ นายชิตธวัฒน์ วชิรินทราวัฒน์ มูลค่า 45,000 บาท และ 5.ทรัพย์สินรายการอื่นของนายกิตติศักดิ์ จำนวน 18 รายการ

+++ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งว่า จะรับฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว สร้างความเสียหายแก่รัฐ 6 แสนล้านบาทหรือไม่ นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กล่าวว่า ช่วงเช้าองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คนจะร่วมประชุมกัน ก่อนจะมีความเห็นว่าควรจะรับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ รวมทั้งหาผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน 1 คนขึ้นรับผิดชอบสำนวน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และทีมทนายความ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปที่ศาล จะรอฟังผลการพิจารณาของศาลฎีกาฯจากนั้นทีมทนายความจะหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ด้าน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จะส่งเจ้าหน้าที่ไปรับฟังด้วยว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งอย่างไร  ป.ป.ช. มั่นใจว่าสำนวนที่ส่งให้มีน้ำหนักแน่นหนาในการเอาผิดแต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน รองหัวหน้าคณะทำงานอัยการ ที่รับผิดชอบคดี กล่าวว่า ในวันนี้ ตัวเองและนายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานและคณะทำงานรวม 6 คน จะเดินทางไปที่ศาลฎีกาฯ