ประธานาธิบดีเบจิ คาอิด เอสเซบซี แห่งตูนีเซีย ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์แห่งชาติ ประกาศว่า ประเทศกำลังอยู่ในสงครามกับกลุ่มก่อการร้าย และจะตอบโต้กลุ่มก่อการร้ายอย่างรุนแรงโดยไร้ซึ่งความเมตตา เพื่อแสดงให้เห็นว่าการก่อเหตุรุนแรงไม่ได้ทำให้ชาวตูนิเซียหวาดกลัว และประชาธิปไตยจะเป็นฝ่ายชนะ หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงและจับตัวประกันที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาร์โดในกรุงตูนิส ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิต 19 ศพ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17 ศพ ได้แก่ ญี่ปุ่น , อิตาลี , โคลอมเบีย , ออสเตรเลีย , ฝรั่งเศส , โปแลนด์ และสเปน กับมีชาวตูนิเซียเสียชีวิต 2 คนและตำรวจอีก 1 นาย ส่วนในกลุ่มผู้บาดเจ็บที่มีจำนวนมากกว่า 40 คนเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และชาวตูนิเซียอีก 2 คน ขณะที่คนร้าย 2 คนถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงวิสามัญในที่เกิดเหตุ และยังติดตามหาผู้ร่วมก่อเหตุคนอื่น
โดยในเวลาที่เกิดเหตุร้ายขึ้นนั้น ที่อาคารรัฐสภาที่อยู่ใกล้เคียง กำลังมีการประชุมเกี่ยวกับกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเกิดเหตุขึ้นจึงมีการอพยพทุกคนออกจากอาคารแล้วกลับเข้าร่วมการประชุมใหม่เมื่อเหตุการณ์สงบลง นอกจากนี้ยังมีชาวตูนิเซียจำนวนมากที่ร่วมการชุมนุมกลางกรุงตูนิสเพื่อต่อต้านการก่อเหตุรุนแรงโดยมีการโบกธงชาติ ซึ่งการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ ส่วนที่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์มีการจุดเทียนเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตด้วย
ด้านโฆษกของนายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาขาติ เปิดเผยว่า นายบันกล่าวประณามการก่อเหตุรุนแรงด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุด ขณะที่โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐอเมริกายังคงอยู่เคียงข้างตูนิเซียในการปราบปรามการก่อการร้าย
...F163..