นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างใกล้ชิด และขอให้ดูค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ถึงแม้จะดูแลค่าเงินบาทอ่อนลงค่อนข้างลำบาก เพราะมีปัจจัยภายนอกรุมเร้า โดยเฉพาะเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเร็วมาก
ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้ออยู่ในอัตราที่สูง ซึ่งต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายด้วย หากจะปรับขึ้นฝากให้ ธปท.หารือและขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ด้วย เพื่อไม่ให้ปรับขึ้นแรงเกินไป จนกระทบต้นทุนภาคเอกชน เพราะจะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 5 ปี
กระทรวงการคลัง และ ธปท. เห็นพ้องร่วมกันว่าต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ดังนั้น ขอให้ ธปท.หารือธนาคารพาณิชย์ หลังปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่านอัตราดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้เป็นภาระเอกชนมากเกินไป แต่ต้องดูเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน เรื่องอัตราเงินเฟ้อด้วย เพราะหากต้นทุนแพงมากเกินไปเดือดร้อนหมด ซึ่งรัฐบาลพยายามตรึงราคาน้ำมัน ราคาสินค้า ให้ได้นานที่สุด เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน
อัตราเงินเฟ้อที่สูงนั้นเกิดขึ้นทั่วไป ไม่ได้เฉพาะประเทศไทยประเทศเดียว ซึ่งทุกประเทศต่างมีมาตรการดูแลไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป เพราะถ้าไม่ดูแลก็เดือดร้อนกันหมด เชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ เพราะอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นยังไม่ร้ายแรงเท่าที่ผ่านมา ที่เผชิญทั้งราคาน้ำมันแพง และเงินเฟ้อที่สูงกว่าในขณะนี้ โดยปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.65 อยู่ที่ 7.10% หากเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.65) อยู่ที่ 5.19%
#คลัง
#ดอกเบี้ย
#เงินเฟ้อ
แฟ้มภาพ กระทรวงการคลัง