คณะนักวิจัยจากประเทศจีน เปิดเผยผลการศึกษาเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของคนไข้สองกลุ่ม จากบริษัทซิโนฟาร์มของจีน และได้พิมพ์เผยแพร่ในวารสารโรคติดต่อ เดอะแลนเซ็ต พบว่า
-คนไข้กลุ่มแรก 25 คน รับวัคซีน BBIBP-CorV จากบริษัทซิโนฟาร์มของจีน ทีมนักวิจัยจีน แทบจะไม่เห็นสารแอนติบอดี หรือภูมิคุ้มกันเหลือในร่างกายของคนไข้ หลังรับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือ มีสารแอนติบอดีในระดับต่ำมาก ไม่เพียงพอที่จะป้องกันไวรัสย่อยจากสายพันธุ์ไอไมครอน โดยเฉพาะสายพันธุ์ BA.2.12.1 และสายพันธุ์ BA.4/BA.5 เสนอแนะว่า จำเป็นต้องใช้วิธีฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อให้สารแอนติบอดีในร่างกายของคนไข้สูงพอที่จะป้องกันโรคโควิด-19
-ทีมนักวิจัย ระบุว่า จากการวิจัยวัคซีนบูสเตอร์สำหรับคนไข้กลุ่มที่สองจำนวน 30 คน โดยใช้วัคซีนซิโนฟาร์ม พบว่า สารแอนติบอดีในร่างกายของคนไข้สูงขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 24-48 และพบว่า กรณีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยใช้วัคซีนจากบริษัทฉงชิ่ง จื้อเฟย ไบโอโลจิคอล โปรดักส์ วัคซีนอีกตัวหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศจีน ทีมวิจัย พบว่า ระดับสารแอนติบอดีในร่างกายของคนไข้ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย อยู่ที่ร้อยละ 30-53
ผลวิจัยดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่ ประเทศจีน อนุมัติให้ใช้เฉพาะวัคซีนที่ผลิตในท้องถิ่น เช่น วัคซีนจากซิโนฟาร์ม และวัคซีนโคโรนาแวคจากบริษัทซิโนแวก เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ให้ประชาชน อีกทั้งเป็นวัคซีนตัวหลักที่ประเทศจีนส่งออกไปต่างประเทศ
จีน ยังคงรณรงค์ให้ประชาชนไปรับวัคซีน ควบคู่กับการใช้นโยบายลดโรคเหลือ 0 ซึ่งมุ่งจะขจัดการระบาดแบบคลัสเตอร์ในท้องถิ่นให้หมดไปจากประเทศ แตกต่างจากประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก ซึ่งรณรงค์ให้ประชาชนปรับตัวอยู่กับโรคโควิด-19
#จีน
#ซิโนฟาร์ม
#โอไมครอน