เจ้าหน้าที่ระดับสูงสองคนของรัฐบาลสหรัฐฯ คือ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังและนางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีพลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างพิจารณายกเลิกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน ซึ่งประกาศใช้ในยุครัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำคนก่อน ระหว่างปี 2561-2562 ซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯในปัจจุบัน ทั้งเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค พร้อมทั้งจะพิจารณาเรื่องความเป็นไปได้ในการหยุดเก็บภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาน้ำมันแพง-เงินเฟ้อสูง
นางเยลเลน กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ของสหรัฐฯว่า การยกเลิกมาตรการทางภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯลดลง แต่นางเยลเลน ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่านายไบเดน จะตัดสินใจยกเลิกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเมื่อใด ขณะที่ นางแกรนโฮล์ม เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า นายไบเดน พร้อมจะพิจารณาทุกๆมาตรการ รวมถึงการหยุดเก็บภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงชั่วคราว ซึ่งจะมีผลให้ราคาน้ำมันลดลง
รัฐมนตรีทั้งสองคน แสดงความเห็น ขณะที่ ประธานาธิบดีไบเดน พยายามจะหาทางแก้ปัญหาค่าครองชีพสูง น้ำมันแพงเป็นสถิติใหม่และเงินเฟ้อสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 8.6 สูงสุดในรอบ 40 ปี ย้ำจุดยืนของนายไบเดนว่า สหรัฐฯยังคงมีช่องทางต่างๆที่จะดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ มีปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ เช่น การว่างงานยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ การใช้จ่ายของผู้บริโภคของสหรัฐฯยังคงเข้มแข็ง
ด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า อาจจะใช้เวลา 2 ปี อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จึงจะค่อยๆลดลงมาอยู่ในกรอบที่เฟดตั้งไว้ คือ ร้อยละ 2 คาดว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะไม่สูง แต่ไม่แย่ถึงขั้นเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในปีนี้
#สหรัฐฯ
#ค่าครองชีพแพง