กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทดสอบวัคซีนฝีดาษประมาณ 500,000 โดสที่องค์การเภสัชกรรมเก็บไว้นาน 40 ปี พบว่ายังออกฤทธิ์ได้ดี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เก็บวัคซีนเหล่านี้ไว้โดยการแช่แข็งรักษาไว้ หลังยุติการปลูกฝี เพราะกวาดล้างโรคจนหมดไปในปี 2523 ซึ่งในขณะนั้นไทยผลิตได้เอง เป็นวัคซีนลักษณะผง (Dry freeze) มี 10,000 ขวด (ไวอัล) ในจำนวน 13 ล็อต ใน 1 ไวอัลฉีดได้ 50 โดส เมื่อคำนวณจะเท่ากับมีประมาณ 5 แสนโดส สำหรับวัคซีนฝีดาษชนิดผงนี้ทำมาจากฝีดาษวัว ซึ่งเป็นเชื้อเป็นที่ทำให้อ่อนแรง เป็นวัคซีนรุ่นแรก รูปแบบการนำมาใช้จะสะกิดให้ผิวหนังเป็นแผลและนำผงวัคซีนแตะแปะไว้ ก็จะเกิดเป็นฝีแล้วกลายเป็นสะเก็ดแห้ง จากนั้นก็จะไปสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ในขณะที่วัคซีนฝีดาษปัจจุบันเป็นรุ่นที่สามที่ใช้ฉีดเข้าผิวหนัง
ขณะนี้ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง มีนพ.ศุภกิจ เป็นประธาน มี ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงผู้แทนจาก อภ. มาช่วยกันตรวจทดสอบวัคซีนเพิ่มเติมว่า ใน 1 ไวอัลที่มี 50 โดสนั้นทั้ง 50 โดสยังมีประสิทธิภาพความแรงอยู่หรือไม่ ดูแนวโน้มว่าน่าจะให้ผลได้ดี
ส่วนที่สองจะต้องตรวจเรื่องสารปนเปื้อน มีเชื้อหรือราต่าง ๆ หรือไม่ เนื่องจากเก็บไว้นานกว่า 40 ปี แต่คาดว่าจะไม่มีปัญหา เนื่องจากเป็นผงแห้งที่บรรจุในขวดแก้วปิดสนิท รวมถึงคงต้องตรวจทั้ง 13 ล็อตที่จัดเก็บไว้ทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลาตรวจอีก 2 สัปดาห์จะทราบผล
นอกจากนี้ยังต้องมีการศึกษาการพัฒนาวัคซีนรุ่นหนึ่ง มาใช้ในแบบรุ่นสาม อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โรคฝีดาษลิงขณะนี้มีแนวโน้มว่า จะไม่มีปัญหาร้ายแรง เพราะการติดเชื้อค่อนข้างยาก ต้องผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิด แต่เราไม่ประมาท อย่างน้อยเราก็มีอยู่ในมือ 5 แสนโดส
สำหรับการฉีดวัคซีนฝีดาษจะพิจารณาเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อ ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีนตัวนี้ เนื่องจากเป็นการใช้เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ซึ่งเทคโนโลยียังไม่ได้ก้าวหน้าเช่นปัจจุบัน เท่าที่มีรายงานก็มีผลทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบซึ่งเกิดขึ้นน้อย
...
#วัคซีนฝีดาษ
#กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์