*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา08.30น.*

18 มีนาคม 2558, 08:53น.


+++พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผิดทางอาญา) เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติที่มีเนื้อหาไม่สอดรับกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และสร้างความไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับสภาพบังคับทางกฎหมาย รวมทั้งแก้ไขบทบัญญัติบางมาตราที่ขาดความชัดเจน ทำให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมและการบังคับใช้ รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว จะเป็นการการเพิ่มโทษของผู้ที่เจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอากรทุกประเภท ให้เป็นโทษเดียวกับมาตรการ 37 คือ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และโทษปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 2 แสนบาท รวมทั้งยังกำหนดให้ผู้ที่ขอคืนภาษีอากรที่เป็นเท็จหรือไม่ถูกต้อง ต้องถูกระวางโทษตามมาตรา 37 ด้วยเช่นกัน 



+++ความพยายามจากเอกชนบางฝ่ายที่ต้องการให้ ครม.ลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยหลายรายการเพื่อเปิดทางให้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยลดภาษีนำเข้าใกล้เคียงร้อยละ 0 จากปัจจุบันเก็บภาษีอยู่ที่ร้อยละ 30 ขึ้นไป     นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง ยังไม่ได้มีการพิจารณาว่าจะลดหรือไม่ลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ยังไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าควรจะทำหรือไม่ และคงจะไม่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี( ครม. ) ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลเคยมีแนวคิดที่จะให้ศึกษาเรื่องนี้เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวแต่ก็หยุดไป



+++ อย่างไรก็ตาม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้มีการศึกษาและได้รายงานต่อนายสมหมายไปแล้วว่าถ้าจะมีการยกเว้น หรือลดภาษี ต้องทำเป็นบางรายการที่ไม่มีการผลิตในประเทศ เพื่อไม่กระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศโดย เฉพาะเอสเอ็มอี



+++นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หากภาครัฐมีความเคลื่อนไหว ส.อ.ท.จะทำหนังสือคัดค้านอย่างเป็นทางการแน่นอน  เป็นการทำลายผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ไทย โดยเฉพาะผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ผลิตสินค้าระดับบนมีราคาถูกกว่าสินค้าแบรนด์เนม หากภาษีดังกล่าวลดลงราคาสินค้าแบรนด์ เนมจะเท่ากับสินค้าไทย ผู้บริโภคคนไทยก็จะแห่ซื้อสินค้าแบรนด์เนม ทำให้ผู้ผลิตไทยก็จะได้รับผลกระทบทางตรง หากจะสนับสนุนสินค้าแบรนด์เนมให้ขายในราคาถูกลง ควรวางหลักเกณฑ์ชัดเจน เช่น เปิดสัมปทานให้มีพื้นที่ปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรี เพื่อให้ผู้นำเข้าใช้เป็นพื้นที่ขายสินค้าแบรนด์เนมปลอดภาษี และกำหนดให้ผู้ซื้อเป็นต่างชาติ หรือหากเป็นคนไทยต้องมีหลักฐาน คือ ตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศ



+++ครม.มีมติเห็นชอบโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอส เอ็มอี) 10 มาตรการ ให้เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อนำเงินไปพัฒนากิจการ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีหลักประกัน หรือธนาคารกังวลว่าจะเกิดหนี้เสีย   ประกอบด้วย 1.โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ1.5 หมื่นล้านบาท  2.โครงการแมชชีนฟันด์  3.ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ผ่อนปรนการวิเคราะห์สินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี ที่ติดแบล็กลิสต์กับเครดิตบูโร 4.ให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ปล่อยกู้ลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 50 ล้านบาท/ราย  5.ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อผ่านโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 5 เพิ่มอีก 5 หมื่นล้านบาท  6.ชะลอการโอนอำนาจการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐออกไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว 7.ทบทวนการกำหนดตัวชี้วัดของสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้สอดคล้องกับ พันธกิจ 8.ขยายสาขา ธพว.ให้ครอบคลุมเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ 9.จัดทำเว็บไซต์เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในไทยและในกลุ่มอาเซียน และ 10.เปิดศูนย์ให้บริการธุรกิจเอสเอ็มอีแบบครบวงจร ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค  ส่วนดอกเบี้ยที่จะจัดเก็บจากเอสเอ็มอีตามโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 1.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4 รอให้กระทรวงการคลังกำหนดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขาย แบบผสมผสาน  ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 128.34 จุด ปิดที่ 17849.08 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 6.91 จุด ปิดที่ 2074.28 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 7.93 จุด ปิดที่ 4937.44 จุด นักลงทุนยังคงเฝ้ารอผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะประกาศในวันพุธนี้ โดยคาดกันว่าผลการประชุมอาจส่งสัญญาณเรื่องเวลาที่เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน



+++ นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศไทย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า ในการประชุมของกนง.ในอีก 2-3 ครั้งจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก เนื่องจากธปท. ยังมีความกังวลเรื่องหนี้ครัวเรือนที่อยู่ ในระดับที่สูง และกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยของเฟด ศูนย์วิจัยคาดการณ์ว่า หากเฟดปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ธปท. อาจจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยตามในไตรมาส 4/2558 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2 อย่างไรก็ตาม จากการประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วง  3 เดือน ค่อนข้างฟื้นตัวแผ่วมากกว่า ที่คาดการณ์ จึงมองว่า ธปท. อาจจะต้องคงระดับ อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 1.75 นานกว่าที่เคย คาดการณ์ไว้



+++ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ งวดส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 42 เซนต์ ปิดที่ 43.46 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล ผลจากรายงานคลังสำรองเชื้อเพลิงสหรัฐฯ รอบใหม่ที่ระบุว่า มีปริมาณสูงสุดมากกว่ารอบที่ผ่านมา ด้าน เบรนท์ลอนดอน ลดลง 43 เซนต์ ปิดที่ 53.51 ดอลลาร์ฯ



+++ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กสหรัฐฯ ลดลง 5 ดอลลาร์ ปิดที่ 1148.20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง



+++พล.ต.สรรเสริญ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรารภในที่ประชุม ครม.ว่าได้รับร้องเรียนว่าที่ ครม.ให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) กู้เงินเพื่อไปซื้อน้ำยางจากเกษตรกรและสหกรณ์ แต่มีบางส่วนที่เงินยังไม่ถึงมือเกษตรกร จึงให้คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช.ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานลงไปติดตามว่าทำไมเงินยังไม่ถึงมือเกษตรกร หรือมีเงินรั่วไหลตรงไหน โดยตรวจสอบให้เร็วที่สุดเพราะเป็น เร่งด่วน 



+++บ่ายนี้  นายกฯ  ประชุมคณะกรรมการเตรียมการ ด้านดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 1/2558 ต้อง จับตาว่าจะเคาะประมูล 4จี หรือไม่ หลังจากทุกฝ่ายเรียกร้องให้เดินหน้า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการประมูล 4 จี ว่า รัฐบาลจะเดินหน้าเปิดการประมูลให้ได้ภายในปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งคณะกรรมการดิจิตอล ซึ่งหากจัดตั้งและปรับรูปแบบกระทรวงดิจิตอลแล้วจะเดินหน้าการประมูล เมื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิตอลแล้วจะปรับโครงสร้างกลุ่มงานบริษัท ทีโอที และ กสท. ที่จะต้องนำอุปกรณ์ ทั้งเสา สายไฟ ไฟเบอร์ออฟติก ที่ไม่ได้ใช้งาน และปล่อยให้เอกชนไปลงทุนกลับมาปรับปรุงใหม่ เพื่อให้ใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง ส่วนการจัดสรรคลื่นความถี่จะจัดระเบียบใหม่ ทั้งเรื่องของความมั่นคง การประมูลคลื่นความถี่ ในลักษณะการแบ่งบันผลประโยชน์ ที่ควรจะต้องมีรายได้เข้ารัฐในส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งนำไปลงทุน ทั้งการขายผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต การศึกษา บอร์ดแบน และการจัดเก็บข้อมูลหรือดาต้าขนาดใหญ่



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X