การเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติหรือสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศสรอบที่ 1 ที่มีการเลือกตั้งเมื่อวานนี้(12 มิ.ย.65) พบว่ากลุ่มพันธมิตรฝ่ายเสรีนิยม ‘Ensemble!’ ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ชนะ กลุ่มพันธมิตรฝ่ายซ้าย ‘NUPES’ อย่างฉิวเฉียด 26.20% ต่อ 25.80%
การเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติหรือสภาผู้แทนราษฎร มีผู้สมัครมากกว่า 6,000 คน อายุตั้งแต่ 18 ปี จนถึง 92 ปี เป็นการเลือกตั้งรอบแรก ผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดจะได้ชิงชัยรอบสองในวันที่ 19 มิ.ย.65 เพื่อชิงที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 577 ที่นั่ง มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อยเป็นประวัติการณ์เพียง 47% จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 48.7 ล้านคน ซึ่งคะแนนดังกล่าวทำให้คาดกันว่า กลุ่ม Ensemble! จะได้เก้าอี้ในรัฐสภาราว 260-300 ที่นั่ง ฉิวเฉียดมากกับการคว้าเสียงข้างมากซึ่งต้องมีอย่างน้อย 289 ที่นั่ง ขณะที่กลุ่มฝ่ายซ้ายจะได้ไป 170-220 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2560 มาก
หลังจากมีการเปิดเผยผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรก นาย ฌอง-ลุค เมลองชอง ผู้นำกลุ่ม NUPES เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกมาใช้สิทธิ์ในการลงคะแนนรอบ 2 ในวันอาทิตย์หน้า เพื่อปฏิเสธนโยบายของนายมาครง ขอให้ชาวฝรั่งเศสเทคะแนนให้พันธมิตรฝ่ายซ้ายได้เสียงข้างมาก เพราะจะสามารถบีบนายมาครง ให้เสนอชื่อเขาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการบริหารประเทศร่วมกัน พันธมิตรฝ่ายซ้ายชูเรื่องเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ลดอายุเกษียณลงเหลือ 60 ปี และตรึงราคาพลังงาน
นายมาครง ต้องเผชิญกับการต่อสู้ในรอบที่สองในสัปดาห์หน้าเพื่อชิง 289 ที่นั่งและรักษาเสียงข้างมากไว้เพื่อให้สามารถเดินหน้านโยบายตามที่หาเสียงไว้ เช่น ลดภาษี ขยายอายุเกษียณจาก 62 ปี เป็น 65 ปี เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรมีเสียงชี้ขาดในการออกกฎหมายเหนือวุฒิสภา
เมื่อเดือนเม.ย.65 นายมาครง ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้เป็นผู้นำฝรั่งเศสต่อเป็นสมัยที่ 2 อย่างยากลำบาก เนื่องจาก ปัญหาเงินเฟ้อ ดันค่าครองชีพพุ่งสูง สวนทางกับรายได้ที่ลดลง ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลตกต่ำ และถ้าไม่มีเสียงข้างมากในสภา เขาจะประสบปัญหาในการผลักดันนโยบายปฏิรูปตามแผนของตัวเอง
#เลือกตั้งรัฐสภาฝรั่งเศส
CR:BBC