นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก กรณ์ จาติกวณิช-Korn Chatikavanij ระบุถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า คนไทยโดนปล้น ค่ากลั่นน้ำมันพุ่ง 10 เท่า ภาระกองทุนน้ำมันและของประชาชนถูกซ้ำเติมด้วยการทำกำไรเกินควรโดยโรงกลั่นน้ำมัน ราคาน้ำมันในประเทศที่ขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง ค่าการกลั่นสูงมากเป็นประวัติการณ์
-สองปีก่อนอยู่ที่ 0.88 บาทต่อลิตร
-ปี 2564 อยู่ที่ 0.87 บาทต่อลิตร
-แต่วันนี้อยู่ที่ 8.56 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นจากเดิม 10 เท่า ในช่วงที่ประชาชนเดือดร้อนอยู่แล้ว และต้นทุนการกลั่นเท่าเดิม
สถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบัน ราคาต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน เนื่องจากใช้เงินกองทุนน้ำมันมาชดเชยทั้งด้วยการลดภาษีและการใช้กองทุนน้ำมันชดเชย โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่กองทุนอุ้มอยู่ลิตรละ 10 บาท ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันติดลบ 86,000 ล้านบาท และติดลบเพิ่มขึ้นเดือนละ 20,000 ล้านบาท สิ้นเดือนนี้ทะลุ 100,000 ล้านบาทแน่นอน ส่วนการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะดีเซลเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว วันนี้ กระทรวงคลังวิ่งหาแหล่งเงินกู้ให้กองทุน แต่เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้ค้ำประกัน สถาบันการเงินเริ่มเมินที่จะรับความเสี่ยงเพิ่มเติม ไม่น่าแปลกใจ เพราะเดิมกองทุนมีเพดานกำหนดไว้ว่ากู้มากกว่า 20,000 ล้านบาทไม่ได้ แต่รัฐบาลยกเลิกเพดานเมื่อต้นปี ทั้งๆที่แนวโน้มราคานํ้ามันจะยังไม่ลด และอาจเพิ่มขึ้นไปอีก กองทุนจึงไม่มีวี่แววว่าจะมีรายได้มาคืนหนี้ได้เมื่อไร
พรรคกล้า เสนอ 3 ทางออก
1.ควรกำหนดเพดานค่าการกลั่น เพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันการค้ากำไรเกินควร พร้อมกำหนดขั้นต่ำไม่ให้ถึงกับขาดทุน
2. เสนอเก็บ "ภาษีลาภลอย" (Windfall Tax) เพราะส่วนต่างจากราคาการกลั่นน้ำมัน เป็นราคาลาภลอยให้กับบริษัท ทำให้ได้กำไรจากส่วนต่าง จึงควรเก็บภาษีลาภลอย เพื่อนำกำไรที่เกินมาช่วยเหลือประชาชน นำมาช่วยในกองทุนน้ำมันต่อไป
3. รัฐบาลต้องจริงจังกับมาตรการประหยัดการใช้พลังงาน จำกัดการชดเชยน้ำมัน ไม่เหวี่ยงแหให้ทุกคน โดยไม่มีการจำกัดปริมาณ
#กรณ์
#ค่าการกลั่น
#พุ่งขึ้น10เท่า
CR:กรณ์ จาติกวณิช-Korn Chatikavanij