กรมศุลกากรจีน แถลงว่า การส่งออกของจีนในเดือนพฤษภาคมเติบโตร้อยละ 16.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มจากร้อยละ 3.9 ในเดือนเมษายน เป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดนับแต่เดือนมกราคม ส่วนการนำเข้าของจีนในเดือนพฤษภาคมเติบโตร้อยละ 4.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และเพิ่มจากร้อยละ 2.0 ในเดือนเมษายน ประเทศจีนได้เปรียบดุลการค้ารวม 78,760 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนที่แล้ว เทียบกับตัวเลขการได้เปรียบดุลการค้า 51,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนเมษายน
ด้านนายไอริส ปัง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศจีนของบริษัทไอเอ็นจี คาดว่า การส่งออกของจีนจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และจะเติบโตร้อยละ 15 ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ถ้าประเทศจีนไม่ล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ซ้ำอีก ขณะเดียวกัน การที่โรงงานอุตสาหกรรมและท่าเรือของจีน กลับมาเปิดให้บริการตามปกติตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ช่วยคลี่คลายปัญหาซัพพลายเชนทั่วโลก
ข้อมูลจากทางการจีน ระบุว่า อัตราการลำเลียงตู้สินค้าลงเรือในแต่ละวันที่ท่าเรือนครเซี่ยงไฮ้ กลับเข้าสู่สภาวะปกติที่ร้อยละ 95.3 ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม หลังจากลดลงมากเมื่อเดือนเมษายน นับเป็นสัญญาเชิงบวกสำหรับประเทศจีน ซึ่งขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก ประเทศจีนตั้งเป้าจะผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตร้อยละ 5.5 ในปีนี้
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เฝ้าติดตามข้อมูลเรื่องการส่งออกของจีน เนื่องจาก เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสภาพของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน พร้อมเตือนปัจจัยเสี่ยงอื่นๆเช่น การสู้รบในยูเครนและวัตถุดิบมีราคาแพงขึ้น ตลอดถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในสหรัฐฯและยุโรป ทำให้หลายฝ่ายหวั่นวิตกเรื่องภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก
#จีน
#ส่งออก