ตั้งแต่วันนี้ (9 มิ.ย.65) พืชกัญชา ไม่ถือเป็นยาเสพติดอีกต่อไป แต่ยังมีการยกเว้นสารสกัด การมี การใช้ ในรูปแบบไหนที่ยังมีความผิด พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านป้องกันปราบปราม (รองผบ.ตร.ปป.) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.ตร.) เปิดเผยถึงการบังคับใช้กฎหมายว่า กรณี “ปลดล็อกกัญชา” ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 5 พ.ศ.2565 ส่งผลให้ส่วนต่าง ๆ ของพืชกัญชาได้แก่ ช่อดอก เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ราก ใบ ไม่ว่าสดหรือแห้ง กากหรือเศษที่เหลือจากการสกัดกัญชาและยางกัญชา ไม่มีสถานะเป็นยาเสพติดอีกต่อไป
การมีพืชกัญชาไว้ในครอบครอง หรือปลูกกัญชา ไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าใด ก็ไม่มีความผิด แต่การมี ใช้ จำหน่าย สารสกัดจากกัญชาที่มีปริมาณสาร THC เกินกว่า 0.2% ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีใบสั่งแพทย์ ไม่ผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) หรือเป็นสารสกัดจากกัญชานั้นมีแหล่งที่มาจากนอกราชอาณาจักร ยังถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เมื่อตำรวจ ตรวจพบ จะยังไม่ดำเนินคดีในทันที เนื่องจากไม่เป็นความผิดซึ่งหน้า ตำรวจจะต้องยึดสารสกัดนั้นส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหาค่าสาร THC สืบเสาะแหล่งที่มา ตรวจหลักฐานการขออนุญาต หากพบว่าผิดกฎหมาย จึงจะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีภายหลัง
การสูบกัญชา พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การสูบกัญชา ไม่มีความผิด แต่การสูบกัญชาในที่สาธารณะ รบกวนสิทธิผู้อื่น มีความผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท อย่างไรก็ตาม การสูบกัญชาในที่สาธารณะ ยังไม่มีกฎหมายควบคุมโดยตรงเช่นบุหรี่ ที่มี พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ควบคุมอยู่
เมื่อกฎหมายยกเลิกความผิดของพืชกัญชา ผู้ต้องขังและผู้ต้องหาคดีกัญชา รวม 4,200 ราย จะได้รับการปล่อยตัวพ้นผิด ในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนได้มีหนังสือ สั่งการให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศ สั่งไม่ฟ้องคดีเกี่ยวกับพืชกัญชาที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน กรณีขออนุมัติศาลออกหมายจับแล้ว ให้ขอถอนหมายจับ แต่หากมีความผิดอื่นร่วมด้วยยังคงดำเนินการตามกฎหมายในข้อหาความผิดอื่นๆต่อไป
#ปลดล็อกกัญชา
CR:กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, Police TV by UCI Media