นางแครีน ฌ็อง ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว สหรัฐฯ กล่าวยืนยันว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะนี้อยู่ในสถานะที่ดีกว่าที่เคยเป็นมา แม้ว่าจะมีความท้าทายระดับโลก โดยชี้แจงว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งผู้นำในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังมีวิกฤตหลายด้าน แต่ด้วยนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเดโมแครตทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งขึ้น และกล่าวโทษรัสเซีย ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ของสหรัฐฯ โต้แย้งว่า ราคาน้ำมันในสหรัฐฯ ปรับราคาเพิ่มขึ้นจาก 2.09 ดอลลาร์ต่อแกลลอน เป็น 3.30 ดอลลาร์ต่อแกลลอนก่อนที่รัสเซียจะบุกรุกยูเครน นายแมทท์ วิทล็อค นักยุทธศาสตร์จากรีพับลิกัน กล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังประสบกับภาวะเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี และกำลังอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน ไม่ได้สร้างงานใหม่นับตั้งแต่ปี 2562 ตัวเลขการจ้างงานใหม่ที่มีการรายงานอยู่ในปัจจุบัน ยังน้อยกว่าระดับที่สูญเสียไปเพราะมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด-19
บุคคลในรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงนางเจนเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ มักกล่าวโทษการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนว่าเป็นสาเหตุของวิกฤตเงินเฟ้อ และการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในการสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันพบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เชื่อคำพูดของฝ่ายรัฐบาล โดยระบุว่า สาเหตุสำคัญของวิกฤตเศรษฐกิจคือมาตรการล็อกดาวน์
นอกจากนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียยังชี้ว่าวิกฤตเงินเฟ้อเกิดจากการที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ พิมพ์ธนบัตรเพิ่มถึง 5 ล้าน 9 แสนล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ถึง 2 ปี ส่งผลให้วิกฤตเงินเฟ้อลุกลามไปทั่วโลก
....
#สหรัฐฯ
#เงินเฟ้อ