ก่อนที่รัฐบาลจีน แถลงเรื่องตัวเลขการส่งออก-นำเข้าในเดือนพฤษภาคมอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้ รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์รวม 28 คน ในเรื่องเศรษฐกิจจีน นายจ้าง หยู หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ฮัวชวง (Huachuang Securities) ของจีน และนักวิเคราะห์จากธนาคาร UBS ของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่าการส่งออกของจีนในเดือนพฤษภาคมจะเติบโตร้อยละ 8.0 จากร้อยละ 3.9 ในเดือนเมษายน และคาดว่า การนำเข้าของจีนในเดือนพฤษภาคมจะเติบโตร้อยละ 2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการนำเข้าวัตถุดิบสูงขึ้น สอดคล้องกับการเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะเริ่มฟื้นตัวเป็นลำดับ หลังโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง อีกทั้งมีสัญญาณ ชี้ว่า ปัญหาซัพพลายเชน เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ประเทศจีน ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์คุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในนครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางทางการเงินและอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกของประเทศ
ตัวเลขการค้าล่าสุด แสดงให้เห็นว่า ปริมาณตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือสินค้าในนครเซี่ยงไฮ้แต่ละวันในเดือนพฤษภาคมเติบโตจากเดือนเมษายนในอัตราร้อยละ 7 สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับที่สองของโลก รองจากสหรัฐฯ มีแนวโน้มหมดปัญหาซัพพลายเชน ซึ่งกระทบการค้าและตลาดทั่วโลกเรื่อยมา นับตั้งแต่ประเทศจีน ประกาศล็อกดาวน์ศูนย์กลางการแพร่ระบาด คือ นครเซี่ยงไฮ้ ปิดห้างร้าน การคมนาคม รณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม
นักวิเคราะห์เตือนว่า ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อเศรษฐกิจจีน เช่น วัตถุดิบมีราคาแพง ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบในยูเครนและการที่โรงงานอุตสาหกรรมในต่างแดนกลับมาเริ่มทำการผลิตเต็มกำลังการผลิต อาจจะส่งผลให้ตัวเลขการสั่งซื้อสินค้าจากจีนลดลง ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในประเทศจีนเร่งเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะบริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในนครเซี่ยงไฮ้กลับมาเปิดโรงงานตามปกติเมื่อวันที่ 19 เมษายน หลังหยุดโรงงานชั่วคราว 22 วัน แต่เทสลาเพิ่งจะกลับมาผลิตได้เท่าระดับก่อนล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม
#จีน
#แนวโน้มเศรษฐกิจ
CR:รอยเตอร์