นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ปฏิเสธรายงานที่ระบุว่า เธอพยายามลดการใช้จ่ายในกฎหมายแพ็กเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (American Rescue Plan : ARP) วงเงินเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตกต่ำจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งนางเยลเลน กล่าวว่า มาตรการนี้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตที่แข็งแกร่งตลอดปี 2564 ทำให้ตลาดแรงงานมีการฟื้นตัวเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต
คำกล่าวของนางเยลเลน สืบเนื่องมาจากการที่สื่อในสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อความบางส่วนของหนังสือเรื่อง “เศรษฐศาสตร์การเอาใจใส่” (Empathy Economics) โดยนายโอเว่น อุล์มันน์ นักข่าวของวอชิงตันโพสต์ ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งระบุว่า นางเยลเลนเห็นด้วยกับนายลาร์รี ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ว่า มาตรการ ARP ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ทำให้มีการอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจมากเกินไปและเร็วเกินไป เธอจึงพยายามแทรกแซงการทำงานของฝ่ายต่างๆ เพื่อลดทอนเงินงบประมาณในมาตรการนี้ลง ก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
นางเยลเลนกล่าวว่า นายไบเดนเข้ารับตำแหน่งในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่รุนแรงและมีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจจะชะลอตัว มาตรการ ARP ช่วยให้ประเทศสามารถยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ดีขึ้น และย้ำว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเคารพในความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม (2565) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯมีการหารือกับนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด พร้อมด้วยนางเยลเลน ซึ่งเคยเป็นประธานเฟดในช่วงปี 2557-2561 เกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนยืนยันการให้อิสระแก่นายพาวเวลอย่างเต็มที่ในการดำเนินนโยบายการเงินโดยไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ซึ่งในภายหลังการประชุม นางเยลเลน กล่าวยอมรับว่า ในอดีต เธอเคยประเมินสถานการณ์เงินเฟ้อผิดพลาด และประธานาธิบดีไบเดน ให้ความสำคัญต่อการควบคุมเงินเฟ้อ และพร้อมสนับสนุนการทำงานของเฟดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างที่คาดไม่ถึง เป็นเหตุให้ราคาพลังงานและอาหารเพิ่มขึ้นมาก เกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทานซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
...
#สหรัฐอเมริกา
#เงินเฟ้อ