19 สมาชิกอียู เริ่มทำแผนส่งเสริมโครงการพลังงานทดแทน ลดพึ่งพารัสเซีย

02 มิถุนายน 2565, 15:40น.


          ศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศสะอาด (Centre for Research on Energy and Clean Air)ของฟินแลนด์ และสถาบันวิจัยพลังงาน เอ็มเบอร์(Ember)ของอังกฤษ ระบุในรายงานซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ ถึงมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)เพื่อลงโทษกรณีการรุกรานยูเครน จะกระทบเศรษฐกิจของกลุ่มอียู เพราะพึ่งพาการนำเข้าพลังงานทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย แต่ 19 ประเทศจากสมาชิกอียูทั้งหมด 27 ประเทศ ได้จัดทำแผนส่งเสริมโครงการพลังงานทดแทน เพื่อลดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย แก้ปัญหาราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลมีราคาแพง และเพื่อให้แน่ใจว่า ครัวเรือนและภาคธุรกิจของสมาชิกอียูจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน พร้อมทั้งช่วยลดภาวะโลกร้อนในระยะยาว



          กลุ่มอียูตั้งเป้าลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเกือบหนึ่งในสามภายในปี 2573 และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนมาที่ร้อยละ 63 ภายในปี 2573 จากร้อยละ 55 ตามแผนพลังงานฉบับเดิมตามที่กลุ่มอียูประกาศในปี 2562 สำหรับตัวเลขสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนของกลุ่มอียูจากข้อมูลเมื่อเดือนมกราคม 2565 ชี้ว่า กลุ่มอียูใช้พลังงานทดแทนร้อยละ 22 ของพลังงานทั้งหมด



          สมาชิกอียูนับเป็นผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่จากรัสเซีย เช่น เยอรมนี อิตาลีและเนเธอร์แลนด์ เตรียมขยายโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์มากขึ้น โดยเฉพาะเยอรมนี ตั้งเป้าจะผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนร้อยละ 80 ภายในปี 2573 เพิ่มจากแผนพลังงานเดิมในปี 2562 คือ ร้อยละ 62 ขณะที่อิตาลี ไอร์แลนด์และกรีซตั้งเป้าจะผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนร้อยละ 70



          ด้านประเทศอื่นๆเช่น ฝรั่งเศส มีแผนอุดหนุนทางการเงินแก่โครงการอาคารพักอาศัยประหยัดพลังงาน เช่น ติดวัสดุกันความร้อน (housing insulation) ขณะที่สมาชิกอียูอื่นๆเร่งส่งเสริมระบบทำความร้อนประหยัดพลังงานที่เรียกว่า Heat Pump พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ขณะที่โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ ออสเตรียและเดนมาร์ก ประกาศจะเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และหันมาใช้พลังงานทั้งหมดจากโครงการพลังงานทดแทนภายในปี 2573



          รายงานฉบับนี้ มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากฮังการีประสบความสำเร็จในการเจรจาให้กลุ่มอียูยอมยกเว้นให้ฮังการีเป็น 1 ในประเทศยังสามารถนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย  แม้ว่ามติของผู้นำกลุ่มอียูในวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เป็นการคว่ำบาตรรัสเซียรอบที่ 6 มีผลคือ ห้ามนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียร้อยละ 90 และผ่อนผัน 3 ประเทศอียูคือ ฮังการี สโลวาเกียและสาธารณรัฐเช็ก ยังคงได้รับน้ำมันดิบจากรัสเซียร้อยละ 10 ผ่านท่อส่งน้ำมันดรูซบา ซึ่งก่อสร้างในยุคสหภาพโซเวียต



 



 



 #กลุ่มอียู



#แผนส่งเสริมพลังงานทดแทน

ข่าวทั้งหมด

X