ในวันนี้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นำคณะเข้าพบนายกรัฐมนตรีพร้อมทั้งนำผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP เด่นของจังหวัด และผลิตภัณฑ์จากแป้งข้าวหอมมะลิที่จะนำไปจัดงาน ROAD SHOW มาจัดแสดง เพื่อประชาสัมพันธ์การเปิดตลาดสินค้าของจังหวัดร้อยเอ็ดสู่ระดับสากล ส่วนศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จะมาเชิญชวนไปเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์รถพิพิธภัณฑ์เคลื่อนที่สำหรับเด็ก เยาวชน ประชาชนและผู้พิการ
และช่วงบ่ายนายเมฟเลิต ชาวูโชลู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐตุรกี เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
ช่วงบ่ายนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ปฏิรูปเมือง ปฏิรูปประเทศ” ในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง “ปฏิรูปเมือง…บนเส้นทางปฏิรูปประเทศและการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” ที่โรงแรมรามา การ์เดนส์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ
ทั้งนี้จากข้อเสนอเรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า รัฐธรรมนูญไม่กำหนดไว้ว่าจะต้องทำประชามติ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจพิจารณาร่วมกัน แต่วันนี้ยังมีความเห็นขัดแย้งกันมากเพราะทุกคนไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ เมื่อมีการปฏิรูปก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่ทำให้ต้องเสียเวลาเปล่า
ส่วนในการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เมื่อวานนี้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. แจ้งที่ประชุมเรื่องมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ขอความร่วมมือลดภาระงบประมาณในการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางบนเครื่องบินของข้าราชการระดับสูง และแจ้งถึงวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ที่สปช.จะได้รับร่างรัฐธรรมนูญจาก กมธ.ยกร่างฯ วันที่ 17 เมษายน จากนั้นต้องเร่งพิจารณาตั้งแต่วันที่ 20-26 เมษายน รวม 7 วัน โดยใช้เวลาพิจารณาเต็มวัน จึงขอให้สมาชิกยุติภารกิจทั้งหมดและงดการประชุมกรรมาธิการ
วันนี้งดประชุม สปช. เพื่อให้สมาชิกทำหน้าที่ในฐานะกรรมาธิการปฏิรูปด้านต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า หากจะให้ทำประชามติก็ต้องส่งเรื่องมายังกกต.และกำหนดวัน ซึ่งต้องมีเวลาอย่างน้อย 90 วันในการทำงานและใช้งบประมาณเท่ากับการจัดการเลือกตั้งคือประมาณ 3,000 ล้านบาทเศษ
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนพร้อมพยานหลักฐานเพื่อ ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และพวก รวม 21 ราย มีความผิดในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และอัยการสูงสุด มีหนังสือถึง ป.ป.ช.ให้แจ้งผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาพบอัยการเพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันนี้
ซึ่งนายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวว่า ตามกฎหมายสามารถยื่นฟ้องคดีได้แม้ตัวจำเลยจะไม่มาก็ตาม เหมือนกรณียื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากยื่นฟ้องคดีแล้ว นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ในฐานะผู้รับผิดชอบคดีนี้จะแถลงข่าวถึงรายละเอียดเรื่องการยื่นฟ้องคดีต่อไป
โดยเมื่อวานนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีคำสั่งบรรจุคำร้องของ ป.ป.ช.แล้ว โดยอธิบายว่า แม้ผู้ถูกชี้มูลความผิดจะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ยังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่งอีก 5 ปีด้วย ซึ่งหลังจากการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาทราบพร้อมกับให้ส่งสำนวน และให้มาตรวจสอบสำนวน รวมทั้งแจกสำเนารายงาน และสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงให้แก่สมาชิก สนช. และผู้ถูกกล่าวหาไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนวันประชุมนัดแรกในวันที่ 2 เมษายนนี้แล้ว แต่กรณีนี้ต่างจากของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
และยังมีเรื่องของ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้ชะลอไว้ก่อน แต่นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างภาษี เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศจำนวนมาก หากไม่มีการปฏิรูปก็จะทำให้ประสบปัญหาภาวะการคลังในอนาคต จึงยืนยันว่าจะเดินหน้าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่อไป ทั้งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ จากนั้นจะหารือกับสถาบันการศึกษาและนักวิชาการ โดยขอให้ประชาชนศึกษาร่างกฎหมายก่อนตัดสินใจ
สำหรับอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในส่วนของที่อยู่อาศัย ขณะนี้มีการปรับลดลงมาเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างเต็มที่ โดยจะมีการคิดเป็นขั้นบันได ได้แก่ ที่อยู่อาศัยราคา 1 ล้านบาทแรก เก็บอัตราภาษี 0.1% หรือล้านละ 1 พันบาท ได้รับลดหย่อน 75% เก็บภาษีจริงเพียง 250 บาท ที่อยู่อาศัยที่มีราคา 2 ล้านบาท เก็บอัตราภาษี 0.1% ได้รับลดหย่อน 75% เสียภาษีจริงเพียง 500 บาท ที่อยู่อาศัยที่มีราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่วนที่เกินเก็บอัตราภาษี 0.1% ได้รับลดหย่อน 50% เช่น บ้านราคา 3 ล้าน จะเสียภาษีจริง 1,000 บาท และที่อยู่อาศัยที่มีราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 4 ล้านบาท ส่วนที่เกินเก็บอัตราภาษี 0.1% ได้รับลดหย่อน 50% เช่น บ้านราคา 4 ล้านบาท เสียภาษีจริง 1,500 บาท ขณะที่บ้านราคาเกินกว่า 4 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนที่เกินเสียภาษีในอัตรา 0.1% โดยไม่ได้รับค่าลดหย่อน
และจากกรณีที่มีโรงพยาบาลหลายแห่งขึ้นป้ายสนับสนุน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ถูกคำสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรักษาการปลัดสธ. ลงนามในคำสั่งห้ามการขึ้นป้ายโดยอ้างว่า อยู่ในช่วงการประกาศใช้กฎอัยการศึกและมีกลไกการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จึงขอให้ส่วนราชการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล
...