2 ผู้นำจีนทำเจ้าหน้าที่สับสน นโยบายติดเชื้อโควิดเป็น 0 สวนทางเดินหน้าเศรษฐกิจ

31 พฤษภาคม 2565, 18:18น.


          สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินระดับสูง 8 คนของจีนว่า ครั้งสุดท้ายที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน พูดต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนหลายพันคนจากทุกกระทรวง ทบวงกรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นายสีขอให้ทุกคนร่วมทำสงครามเพื่อต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะแรกๆของการแพร่ระบาดในจีน



          ต่อมา เมื่อวันพุธที่แล้ว(25 พฤษภาคม 2565) นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีนจัดประชุมในลักษณะเดียวกันผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายพันคนทั่วประเทศ เพื่อส่งสัญญาณเตือนว่า วิกฤติเศรษฐกิจจีน เนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ในปีนี้จะรุนแรงกว่าเมื่อสองปีที่แล้ว ขอให้พวกเขาหาแนวทางที่ลงตัวระหว่างมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กับมาตรการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งผลักดันให้เศรษฐกิจจีนไม่ให้อ่อนแอในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้



          แต่เจ้าหน้าที่หลายคนของรัฐบาลท้องถิ่นที่รับผิดชอบเรื่องการปฏิบัติตามนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายสาธารณสุขของรัฐบาลกลางไม่แน่ใจว่าพวกเขาควรจะฟังใคร ระหว่างนายสี ซึ่งเน้นให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนผลักดันนโยบายลดโรคเหลือ 0 อย่างต่อเนื่อง กับนายหลี่ที่ขอให้พวกเขาให้ความสำคัญกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้เติบโตให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปีนี้คือ ร้อยละ 5.5 ทำให้เกิดปัญหาในการนำนโยบายไปปฏิบัติ ทั้งๆโดยปกติ หลายฝ่ายชื่นชมประเทศจีนว่าปฏิบัติตามนโยบายจากบนสู่ล่างได้อย่างรวดเร็ว



          ขณะที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ มองการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่จีนในครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเห็นไปในทิศทางเดียวกันถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนให้ฟื้นตัวขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน 4 คน บอกว่า การเรียกประชุมดังกล่าวไม่ช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อทัศนะของพวกเขาที่มองว่า นโยบายลดโรคเหลือ 0 ยังคงมีความสำคัญสูงสุด เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของจีนกล่าวว่าจากมุมมองด้านอาชีพส่วนตัว การทุ่มเททำงานตลอดชีวิตของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนจะไม่มีความหมายเลย ถ้าหากพวกเขาล้มเหลวในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19



          ขณะเดียวกัน โอกาสในการพลิกเปลี่ยนสถานการณ์เพื่อผลักดันโครงการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ๆให้เดินหน้าต่อไปในสถานการณ์ปัจจุบันก็มีไม่มากนัก หลายคนเชื่อว่า บางทีรายละเอียดสำคัญที่สุดจากการเรียกประชุมของนายหลี่อาจจะต้องการเพียงดูว่ามีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคนใดไม่เข้าร่วมประชุมหรือไม่ ก็เป็นได้ ซึ่งปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจากหลายเมืองขาดประชุมเนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับนโยบายลดโรคเหลือ 0 ชี้ว่า มาตรการควบคุมโรคจะยังคงกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และการเข้าประชุมครั้งนี้ พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ได้บังคับให้ผู้บริหารพรรคระดับสูงของท้องถิ่นทุกคนต้องประชุมด้วย



          ด้านนายทเรย์ แม็คอาร์เวอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทวิจัย ทริเวียม ไชนา(Trivium China) กล่าวว่า แม้นายหลี่ไม่ได้วิจารณ์นโยบายลดโรคเหลือ 0 หรือพูดเป็นนัยว่าเปลี่ยนแปลงจากนโยบายเดิมในเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของประธานาธิบดีสี แต่นายหลี่ แสดงความรู้สึกผิดหวังอย่างชัดเจนที่รัฐบาลท้องถิ่นล่าช้าในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนายแม็คอาร์เวอร์ เปรียบเทียบเสมือนหนึ่งว่า นายหลี่ถูกมอบหมายให้รับผิดชอบเรื่องการจัดทำมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจจีนโดยที่ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงนโยบายหนึ่งซึ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจหนักที่สุดคือ นโยบายลดโรคเหลือ 0



          เรื่องนี้นับว่ามีความสำคัญมากเนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนเตรียมจัดประชุมใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่านายสีจะได้รับการลงมติจากที่ประชุมพรรคให้บริหารประเทศเป็นสมัยที่ 3 คณะกรรมการบริหารระดับสูงชุดเดิมของพรรคอาจจะถูกปรับเปลี่ยนใหม่ เปิดทางให้คนอื่นๆได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไป ถ้าหากไม่มีความผิดพลาดร้ายแรงในการทำงาน โดยเฉพาะการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19



 



 



#ประเทศจีน



#สองผู้นำจีนมีจุดยืนเศรษฐกิจต่างกัน



#การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน

ข่าวทั้งหมด

X