*จีนเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอาวุธ/ซาอุฯเตือนข้อตกลงนิวเคลียร์/ยูโรอ่อนค่า/ต่างชาติเพิ่มลงทุนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้*

สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า ยอดการซื้อขายอาวุธของโลกช่วงปี 2553-2557 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เทียบกับ 5 ปีก่อนหน้านี้ โดยสหรัฐยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 1 ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 31 ของตลาดโลก รัสเซียอยู่อันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 27 ส่วนจีนขึ้นอยู่อันดับ 3 เบียดเยอรมนีตกลงไปอยู่อันดับ 4 และฝรั่งเศสอันดับ 5 โดยจีนขายอาวุธให้ 35 ประเทศ แต่ราว 2 ใน 3 เป็นมิตรเก่าแก่ในเอเชีย ได้แก่ ปากีสถาน ซึ่งซื้ออาวุธจีนมากถึงร้อยละ 41 รองลงไปคือบังกลาเทศและพม่า นอกจากนี้จีนยังมีลูกค้าอาวุธในแอฟริกาอีก 18 ราย รวมถึงไนจีเรีย

ทางการจีนประกาศว่า นายสือ ไฉโฮ่ว อดีตสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน และอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของกองทัพจีน แต่เขาถูกปลดจากตำแหน่งและถอดยศเนื่องจากถูกสอบสวนในคดีทุจริตรับสินบน แบะเมื่อวันอาทิตย์เขาถึงแก่อนิจกรรมแล้วด้วยโรคมะเร็ง ในวัย 71 ปี

ที่ซาอุดีอาระเบีย เจ้าชายเตอร์กี อัล-ไฟซาล อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองของซาอุดีอาระเบีย และเอกอัครราชทูตของริยาดประจำวอชิงตันและลอนดอน เตือนประเทศมหาอำนาจของโลก ว่าการทำข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่เทคโนโลยีด้านปรมาณูจะแพร่กระจายออกไปในวงกว้างยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้ทั้งซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่น เรียกร้องสิทธิในการเพิ่มประสิทธิภาพแร่ยูเรเนี่ยมเช่นเดียวกับอิหร่าน

กองทัพฟิลิปปินส์แถลงผลการจับกุมนายโมฮัมหมัด อาลี ทามบาโก หัวหน้ากลุ่มกบฏจัสทิซ ฟอร์ อิสลามิค มูฟเมนต์ พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มอีก 5 คน และอาวุธอีกจำนวนหนึ่ง ที่เมืองเจเนรัล ซานโตส ในจังหวัดโคตาบาโตใต้ โดยกลุ่มทามบาโกเพิ่งตั้งขึ้นมาหลังถูกขับออกจากกลุ่มกบฏนักรบเสรีภาพอิสลามบังซาโมโร และเชื่อว่าให้ที่หลบซ่อนแก่นายซัลคิฟลี บิน ฮีร์ และนายอับดุล บาสิต อุสมาน 2 ผู้ก่อการร้ายที่สหรัฐกำลังตามตัว

ส่วนที่ไนจีเรีย เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายกราดยิงชาวบ้านในหมู่บ้านเอกบา รัฐเบนเว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 45 ศพ บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ซึ่งตำรวจเชื่อว่า สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งเรื่องที่ดินทำกิน

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวปราศรัยเรียกร้องให้ประชาชนลงคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายขวาของเขา ในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 มีนาคมนี้ เนื่องจากผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดพบว่า พรรคลิคุดของนายกรัฐมนตรียังมีคะแนนตามหลังพรรคฝ่ายซ้ายที่นำโดยพรรคแรงงาน

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกครั้งหลังจากที่หายไปเป็นเวลา 10 วันซึ่งทำให้เกิดข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขาหลายเรื่อง ทั้งนี้ผู้นำรัสเซีย ได้ให้การต้อนรับประธานาธิบดีอัลมาซเบ็ก อาตัมบาเยฟ ของคีร์กีซสถาน และโฆษกของผู้นำรัสเซีย เปิดเผยว่า ผู้นำทำงานหนักอยู่ทุกวัน เพียงแต่ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเท่านั้น

ตำรวจเบลเยียมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนหนึ่ง ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปล้นเพชรเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 มูลค่าความเสียหายราว 40 ล้านยูโร โดยมีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 14 คน จากเบลเยียม ฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ กับสามารถยึดของกลางเป็นเงินสดและเพชรจำนวนหนึ่งได้ แต่ยังมีเพชรมูลค่าอีกกว่า 30 ล้านยูโรที่ยังหายไป          

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเทียบเหรียญสหรัฐในอัตราแลกเปลี่ยนตลาดเอเชียมากที่สุดในรอบ 12 ปี จากความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย และจากการเริ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เมื่อต้นเดือนมีนาคม และคาดว่าค่าเงินยูโรจะอ่อนค่าไปแตะระดับ 1 เหรียญสหรัฐ ต่อ 1 ยูโร ภายในสิ้นเดือน มีนาคม ขึ้นอยู่กับท่าทีของเฟดและอีซีบี

โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.0457 เหรียญสหรัฐ/ยูโร ก่อนที่จะปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 1.0527 เหรียญสหรัฐ/ยูโร ในระหว่างการซื้อขายช่วงเช้าของวันที่ 16 มีนาคม

สำนักงานสถิติของอินโดนีเซีย เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่พบอินโดนีเซียได้เปรียบดุลการค้าเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเศรษฐกิจของประเทศใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกินดุลการค้ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 738 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนรายงานการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ หรือเอฟดีไอ ของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมูลค่ารวมกันมากกว่าจีนเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในปี 2557  แต่โดยภาพรวมแล้วยังถือว่าการลงทุนจากต่างชาติยังไม่คงที่ เพราะความผันผวนทางการเมือง โดยเอฟดีไอในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม เพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติ การณ์ 128,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2557

ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 228.11 จุด หรือร้อยละ 1.29 ปิดที่ 17,977.42 จุด

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.79 จุด หรือร้อยละ 1.35 ปิดที่ 2,081.19 จุด

ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 57.75 จุด หรือร้อยละ 1.19 ปิดที่ 4,929.51 จุด

*-*