หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้หารือกับนายเท็ดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) สมัยที่ 75 ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เพื่อขอรับการสนับสนุนเรื่องวัคซีนฝีดาษคน (Smallpox) จากองค์การอนามัยโลก น.พ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ. กล่าวว่า วัคซีนฝีดาษที่สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้นั้น องค์การเภสัชกรรม(อภ.)มีการเก็บแช่แข็งไว้กว่า 40 ปี เมื่อส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นำไปเพาะเชื้อแล้วพบว่าสามารถเพาะเชื้อได้ แปลว่าวัคซีนน่าจะยังมีประสิทธิภาพ
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การตรวจวัคซีนฝีดาษที่องค์การเภสัชกรรมเก็บรักษาไว้ เป็นวัคซีนที่เก็บมากว่า 40 ปีในลักษณะผงแช่แข็ง (Dry freeze) มีประมาณ 1 หมื่นโดส กรมจึงนำมาตรวจดูซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งเพื่อให้ทราบว่ามีความปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อน และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้หรือไม่ เพราะข้อมูลเมื่อปี พ.ศ.2523 ที่ไทยหยุดปลูกฝีดาษคน(Smallpox) ระบุว่า ป้องกันได้ 85% เป็นข้อมูลเก่า แต่ฝีดาษตัวปัจจุบันยังไม่มีข้อมูล
ผลตรวจวัคซีนเบื้องต้นพบว่าเป็นการนำเชื้อเป็นที่มีชีวิตมาน็อกไว้ เมื่อนำมาเพาะเชื้อก็โตเร็วมาก แต่ยังต้องรอกระบวนการตรวจอีกยาว โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูว่าต้องตรวจอะไรอีก หากจะใช้จริง ต้องทำอย่างไร และถ้าเจอคนไข้ในประเทศเมื่อไหร่ จะนำเชื้อปัจจุบันมาเพาะ เทียบกับภูมิคุ้มกันจากเลือดของคนที่ได้รับวัคซีนฝีดาษก่อนปี 2523 มาตรวจดูว่ายังสู้กับเชื้อได้หรือไม่
กรณีพบผู้ป่วยเข้าข่ายสงสัยก็ตรวจ หากยังไม่มีผื่น สามารถสวอปเชื้อจากจมูก เพื่อทำ RT-PCR แต่หากมีผื่นแล้ว จะสวอปจากผื่นเพราะมีโอกาสเจอเชื้อมากกว่า ดังนั้น หากผู้ที่มาจากแอฟริกา อังกฤษ ที่เริ่มมีไข้ มีความเสี่ยงสูงก็นำมาตรวจ แต่ช่วงที่เริ่มแพร่เชื้อคือช่วงที่ออกผื่น ทำให้สังเกตได้ คนก็จะเลี่ยงการสัมผัสได้
#วัคซีนฝีดาษ
#กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์