ธนาคารกลางของเมียนมาสั่งการให้กระทรวงและรัฐบาลท้องถิ่นไม่ใช้สกุลเงินต่างประเทศในการทำธุรกรรมภายในประเทศ เพื่อบรรเทาแรงกดดันต่อค่าเงินจ๊าตของเมียนมา ซึ่งนายวิน ทอ รองผู้ว่าการธนาคารกลาง กล่าวในแถลงการณ์ว่า ปัจจุบันมีความต้องการเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่อัตราแลกเปลี่ยนอาจผันผวนเนื่องจากการใช้จ่ายเงินตราต่างประเทศในการซื้อสินค้าและบริการภายในประเทศ โดยมีทั้งองค์การที่ดำเนินการโดยกระทรวงต่าง ๆ และภาคเอกชน เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และโรงเรียนนานาชาติที่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแทนที่จะใช้เงินจ๊าต ธนาคารกลางจึงขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลระดับภูมิภาคและระดับรัฐ สั่งการให้องค์การในสังกัดใช้เงินจ๊าดเป็นหลัก และใช้เงินต่างประเทศเท่าที่จำเป็น
นายวิน ธอว์ รองผู้ว่าการธนาคารกลางเมียนมากล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวพิจารณาจากหลายปัจจัย รวมถึงความต้องการเงินต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนเนื่องจากธุรกรรมการรับและการจ่ายสกุลเงินต่างชาติเพื่อซื้อสินค้าและการบริการภายในประเทศ หลังเศรษฐกิจเมียนมาเผชิญวิกฤตการณ์นับตั้งแต่รัฐบาลทหารได้เข้ายึดอำนาจการปกครองเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้การปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองต้องหยุดชะงักลง อีกทั้งยังสร้างแรงกดดันให้กับอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินจ๊าดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
คำสั่งดังกล่าวนับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของเมียนมาในการควบคุมการไหลเวียนของสกุลเงินต่างประเทศ โดยปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนเงินจ๊าดอย่างเป็นทางการที่ธนาคารกลางกำหนดกลางไว้อยู่ที่ 1,850 จ๊าดต่อดอลลาร์ แต่เงินจ๊าดมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่ำกว่าอัตราที่มีการซื้อขายในตลาดมืด
ก่อนหน้านี้ธนาคารกลางเมียนมาประกาศว่า นับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2565 รายได้ภายในประเทศที่อยู่ในรูปของสกุลเงินต่างชาติจะต้องฝากไว้ในธนาคารที่มีใบอนุญาต และต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินจ๊าดภายใน 1 วันทำการ ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้ชาวเมียนมาและกลุ่มธุรกิจต่างชาติในเมียนมาแสดงความไม่พอใจ จนทำให้ธนาคารกลางตัดสินใจยกเว้นให้ต่างชาติไม่ต้องทำตามมาตรการดังกล่าว
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการของธนาคารกลางปัจจุบันอยู่ที่ 1,850 จ๊าดต่อดอลลาร์ แต่มีแนวโน้มว่าจะต่ำกว่าอัตราในตลาดมืด
...
#ธนาคารกลางเมียนมา