พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตรำวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีผู้ต้องหาวางระเบิดที่ศาลอาญา ว่าขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว 14 คน ทหารสามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 12 คน และส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแล้ว 8 คน ส่วนที่เหลืออีก 4 คน จะส่งมอบให้กับตำรวจเพิ่มเติมในวันพุธนี้ สำหรับยังคงหลบหนีจำนวน 2 คน คือนายวีรศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา ที่เป็นผู้จัดหาอาวุธ ตำรวจเชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่ภายในประเทศ และนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ที่ทำหน้าที่เป็นนายทุน ขณะนี้มีการประสานกับสำนักงาน ป.ป.ง. ในการตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน พร้อมเตรียมอายัดทรัพย์สินที่ตรวจพบ ทั้งนี้โฆษกสตช. ยืนยันยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงถึงพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัฒน์ อดีตผบ.สส. และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผบช.น. และยังไม่จำเป็นต้องเรียกมาสอบปากคำ และจากการขยายผลคาดว่ายังคงมีผู้ร่วมขบวนการอื่นอีกที่ยังไม่ถูกออกหมายจับ
สำหรับกระแสข่าวลวงว่าจะมีการก่อเหตุวางระเบิด 100 จุด จากการข่าวรายงานยังพบความเคลื่อนไหวใด แต่ยังคงให้ตำรวจเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เกิดการก่อเหตุโดยเด็ดขาด ส่วนเหตุวางระเบิดที่ทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าสยาม ขณะนี้แม้ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่จากการสอบปากคำหนึ่งในผู้ต้องหา มีการพูดถึงว่าเป็นผลงานของขบวนการ ซึ่งจะมีการสืบสวนหาความเชื่อมโยงต่อไป
นอกจากนี้ วันนี้ที่ สตช. นายกันตภณ สุขุมาลินทร์ อดีตแกนนำกลุ่มกปปส. จังหวัดชลบุรี ได้ยื่นหนังสือกับโฆษกสตช. ขอให้ดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช. ฐานใช้และจ้างวานให้กลุ่มนปช.ก่อเหตุขัดขวางการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ทเมืองพัทยาเมื่อปี2552 โดยมอบคลิปเสียงยืนยันการปราศรัยของนายอริสสมันต์ ที่ระบุว่านายณัฐวุฒิ ได้สนับสนุนเงินจำนวน1.8แสนบาทในการก่อเหตุครั้งนี้ และก่อนหน้านี้ศาลจังหวัดพัทยาได้มีการพิพาษาลงโทษจำเลยซึ่งเป็นแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมนปช. 15 คนไปแล้ว จึงเห็นว่านายณัฐวุฒิ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการก็ควรได้รับการลงโทษด้วยเช่นกัน
...ผสข.อภิสุข เวทย์วิศิษฐ์
..