รัสเซียสานสัมพันธ์เศรษฐกิจกับจีน หลังถูกนานาชาติคว่ำบาตรมากขึ้น

          ท่าทีของรัสเซียต่อชาติตะวันตก นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า ทางการรัสเซียจะพิจารณาอย่างจริงจังว่ายังจำเป็นต้องมีการสถาปนาความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกขึ้นใหม่หรือไม่ สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า นานาประเทศฝั่งตะวันตกได้จุดกระแส "โรคกลัวรัสเซีย" (Russophobia) นับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มเปิดปฏิบัติการพิเศษทางการทหารกับยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.โดยขณะนี้ รัสเซียกำลังพัฒนาระบบทดแทนการนำเข้าของตนเอง หลังจากถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ พร้อมย้ำว่า รัสเซีย "ไม่ควรพึ่งพาภาคการผลิตจากชาติตะวันตก มารับรองการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมของชาติ

       นอกจากนี้ ความคิดเห็นต่าง ๆ ของรมว.ต่างประเทศรัสเซียในเว็บไซต์ของกระทรวงฯ ยังเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารัสเซียจะมุ่งหน้าเข้าหาจีนต่อไป นายลาฟรอฟ ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "ตอนนี้ตะวันตกอยู่ในสถานะใช้อำนาจเผด็จการกับเรา ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของรัสเซียกับจีนจึงยิ่งเติบโตเร็วขึ้น"

          แต่อีกด้านหนึ่ง นายบอริส บอนดาเรฟ นักการทูตรัสเซียอาวุโสประจำสหประชาชาติ (UN) ในกรุงเจนีวา ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ (23 พ.ค.) เพื่อประท้วงการที่รัสเซียทำสงครามในยูเครน พร้อมประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย และวิจารณ์กระทรวงต่างประเทศรัสเซียสำหรับการสมรู้ร่วมคิดในสิ่งที่เขาบรรยายว่าเป็น "สงครามที่ก้าวร้าว" ซึ่งเป็นภาษาที่ถูกสั่งห้ามในรัสเซียภายใต้กฎหมายเซ็นเซอร์ในภาวะสงคราม นับเป็นการประท้วงแบบเปิดเผยต่อสาธารณชนจากเจ้าหน้าที่รัสเซียที่หาได้ยาก

          หนังสือพิมพ์คอมเมอร์ซานต์ (Kommersant) ของรัสเซียได้ติดต่อไปยังนายบอนดาเรฟ ซึ่งยืนยันว่าตนโพสต์แถลงการณ์ดังกล่าวจริง ส่วนหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ยืนยันว่ามีการรับใบลาออกที่ส่งมาถึงนักการทูตต่าง ๆ ในกรุงเจนีวาผ่านทางอีเมล

#รัสเซียยูเครน

#คว่ำบาตร