องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA)ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส ระบุในรายงานตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกประจำเดือนนี้ว่า แม้ว่า กลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)จะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ห้ามสมาชิกอียู 27 ประเทศนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้การบุกยูเครน แต่ IEA มั่นใจว่า ตลาดโลกจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมันดิบ โดยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากที่อื่นๆมาทดแทนน้ำมันดิบส่วนที่ขาดหายไปจากรัสเซีย อีกทั้งมาตรการล็อกดาวน์ศูนย์กลางการแพร่ระบาด เช่น นครเซี่ยงไฮ้ของจีน จะส่งผลให้ความต้องการซื้อน้ำมันดิบจากตลาดโลกลดลงด้วย นับว่าแตกต่างจากคาดการณ์เดิมในเดือนมีนาคมที่ระบุว่า การคว่ำบาตรธุรกิจพลังงานของรัสเซียจะส่งผลให้ตลาดโลกขาดแคลนน้ำมันดิบราว 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
IEA ระบุว่า ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตเพื่อส่งไปยังตลาดโลกโดยกลุ่มโอเปกพลัส(OPEC+)ในตะวันออกกลาง และสหรัฐฯจะค่อยๆมีปริมาณที่สูงขึ้นโดยลำดับทำให้ตลาดโลกไม่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมันดิบ ทำให้มาตรการคว่ำบาตรภาคธุรกิจพลังงานของรัสเซียของกลุ่มอียูจะไม่กระทบตลาดโลกมากนัก
นอกจากนั้น สหรัฐฯและประเทศสมาชิกอื่นๆของ IEA ตกลงจะปล่อยน้ำมันดิบรวม 240 ล้านบาร์เรลจากคลังน้ำมันสำรองเข้าสู่ตลาดโลกในปีนี้ นับเป็นการปล่อยน้ำมันดิบครั้งที่สองหลังการปล่อยน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดโลกครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เพื่อป้องกันปัญหาตลาดโลกขาดแคลนน้ำมันดิบ
ปัจจุบัน แม้ว่ากลุ่มอียูอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการคว่ำบาตรภาคธุรกิจพลังงานรัสเซีย แต่ในภาพรวม กลุ่มอียูยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่สำหรับน้ำมันดิบจากรัสเซียในเดือนเมษายน ลดลง 535,000 บาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ในปัจจุบัน กลุ่มอียูนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43 ของตัวเลขนำเข้าทั้งหมด
#IEA
#กลุ่มอียู
#มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย