*รองโฆษกรัฐบาล เตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนกข่าวส่งต่อในโลกโซเชียล/ทหารนำตัว4ผตห.ส่งตร.วันนี้

การส่งต่อข่าวในโลกโซเชี่ยล เฝ้าระวังเหตุระเบิดหลายจุด  ในวันที่ 15 มีนาคม 2558 พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยัน ผ่าน จส. 100  ไม่เป็นความจริงเป็นข่าว ส่งต่อๆ กันมาเชื่อถือไม่ได้    จากการข่าว ทราบว่า มีการเริ่มส่งข่าวลักษณะนี้  ตั้งแต่  อ.โรงเรียน นานาชาติ เตือนเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ  จากนั้นก็เป็น  จากวงในบ้าง แหล่งข่าวบ้าง  แจ้งระวังจุดต่างๆใน  กทม.   รัฐบาลยืนยันว่า ได้ติดตาม ความเคลื่อนไหว และ จับกุม ขยายผล ต่อเนื่อง ผู้คิดก่อเหตุไม่น่าจะ กระทำได้ง่ายๆ ขอใหประชาชนอย่าตื่นตระหนก จากข่าวแชร์ตามโลกโซเชียล

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. กล่าวถึงมีเบาะแสการเตรียมการลงมือก่อเหตุร้าย 100 จุดทั่วประเทศ ว่า ตำรวจยังคงเฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยวางกำลังคุมเข้มตามจุดเสี่ยงที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ สถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า และท่าเรือ และเพิ่มกำลังตำรวจ 191 ตำรวจทางหลวง และตชด. เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

ส่วนในวันที่ 15 มี.ค. ทหารจะนำตัวผู้ต้องหาคดีระเบิดมอบให้ตำรวจอีกส่วนหนึ่งได้แก่ นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ นางวาสนา  บุษดี นายนรพัฒน์  เหลือผล และนายวิชัย อยู่สุข หรือตั้ม ส่งให้คณะพนักงาน สอบสวน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินการสอบสวนขยายผลตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนได้เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานให้ศาลพิจารณาเพิ่มข้อหาก่อการร้าย เนื่องจากมีผู้สนับสนุนอยู่ในต่างประเทศ ถือว่าเข้าข่ายการก่อการร้าย เพราะทำให้รัฐใดรัฐหนึ่งเกิดความเสียหาย รวมถึงเป็นการกระทำที่ทำให้ประชาชนเกิดความวิตก เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ขณะที่การเข้าควบคุมตัวนางเดียร์ เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่บ้านพักใน จ.มุกดาหาร ทหารได้ตรวจยึดระเบิดอาร์จีดี-5 ไว้ได้อีก 1 ลูก และนำส่งกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อรวบรวมไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ส่วนนางเดียร์ยังอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหารตามกฎอัยการศึก

    ด้าน นายอเนก ชัยชนะ หรืออเนก ซานฟราน ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันผ่านสำนักข่าว อิศรา ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว พร้อมระบุด้วยว่าไม่รู้จักกลุ่มคนที่ถูกตำรวจควบคุมตัวไปก่อนหน้านี้ และเชื่อว่าเป็นการใส่ร้าย ถูกดึงเข้าไปเชื่อมโยงเหตุการณ์ระเบิดให้ถูกเกลียดชัง เนื่องจากเป็นกลุ่มเดียวที่ยังคงเคลื่อนไหวต่อสู้ หลังจากนักการเมืองโดนเรียกไปปรับทัศนคติหมดแล้ว.