การป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ เป็นแนวทางสำคัญ ที่ทำให้สภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นลงมติผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว จนมาถึงวันนี้ วุฒิสภาญี่ปุ่น ลงมติด้วยเสียงส่วนใหญ่ รับรองร่างกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน ประเด็นที่น่าสนใจในมาตรการต่างๆที่กำหนดในกฎหมายฉบับนี้ คือ ป้องกันความเสี่ยงต่างๆเช่น การโจมตีทางไซเบอร์จากประเทศจีน ให้มีผลบังคับในอีก 2 ปีข้างหน้านับแต่วันที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศใช้ในเดือนหน้า
ร่างกฎหมายนี้มีขึ้นหลังสหรัฐฯประกาศมาตรการควบคุมการนำเข้าเทคโนโลยีสำคัญๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ หลังมีความตึงเครียดมากขึ้นอย่างต่อเนื่องกับประเทศจีน
นอกจากนั้น สถานการณ์รัสเซียบุกยูเครน หรือที่รัสเซียเรียกว่า ปฏิบัติพิเศษทางการทหารในยูเครน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นดำเนินมาตรการต่างๆเพิ่มเติม เพื่อปกป้องห่วงโซ่อุปทานเกี่ยวกับสินค้าเทคโนโลยีและระบบสาธารณูปโภคของญี่ปุ่น ไม่ให้ถูกแฮ็กเพื่อล้วงข้อมูล หรือการโจมตีทางไซเบอร์ อีกทั้งเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเทคโนโลยีที่สำคัญต่อความมั่นคงของประเทศไม่ถูกลักไปโดยกลุ่มแฮกเกอร์ต่างชาติ กรณีมีการฝ่าฝืน เช่น เปิดเผยข้อมูลความลับทางการค้าโดยผิดกฎหมาย มีบทลงโทษอย่างสูงคือ จำคุก 2 ปี หรือปรับ 1 ล้านเยน
สำหรับร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้รัฐสามารถกำกับดูแล บริษัทญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ หรือทำธุรกิจเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ เช่น รายงานการทำสัญญาซื้อขายให้ภาครัฐทราบ
นอกจากนั้น ยังกำหนดให้รัฐจัดหาเงินสนับสนุนให้กับบริษัทเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้พวกเขาสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทาน ป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์สำหรับการผลิตเทคโนโลยีในประเทศ เนื่องจากการส่งออกสินค้าเหล่านั้นไปต่างแดน ให้รัฐจัดงบประมาณส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งให้รัฐจัดทำกฎระเบียบว่าด้วยสิทธิบัตรและความลับทางการค้า เพื่อให้มั่นใจว่า เทคโนโลยีชั้นสูงที่ผลิตขึ้นโดยบริษัทญี่ปุ่นจะไม่ถูกนำไปใช้โดยประเทศอื่นๆเพื่อผลิตอาวุธนิวเคลียร์ หรือ อุปกรณ์ทางทหารอื่นๆ
#ประเทศญี่ปุ่น
#กฎหมายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
#วิกฤติเทคโนโลยี