นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับจส.100 เรื่องกองทุนน้ำมันตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 32 บาทว่าจะตรึงไปจนถึงวันที่ 16 พ.ค.65 เพื่อไม่ให้กระทบราคาสินค้าที่แพงขึ้น และจะประเมินราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นรายสัปดาห์ หากราคาน้ำมันลดลงมาเหลือ เช่น 101-102 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สามารถตรึงต่อได้ หากราคาเพิ่มขึ้น ก็คงปรับขึ้นเป็น 33 บาท จนถึงเพดานคือ 35 บาทต่อลิตร ในเวลานี้ยังไม่สามารถบอกได้ หากเทียบราคาน้ำมันดีเซลไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน จะเห็นได้ว่า ราคาน้ำมันดีเซลที่มาเลเซียและบูรไน อยู่ที่ลิตรละ 20 บาท เนื่องจาก ผลิตได้เอง แต่ของไทย ยังตรึงราคาได้ต่ำกว่าหลายประเทศ เนื่องจากเราใช้กองทุนน้ำมันตรึงอยู่ แต่ด้วยเสถียรภาพของกองทุนน้ำมันที่ติดลบมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งกองทุนได้ยื่นเรื่องขอกู้จากสถาบันการเงินแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณา ต้องยอมรับว่า กองทุนติดลบมาก จึงหาไม่ได้ง่ายๆ และประเด็นที่กฎหมายใหม่ที่สนช.ออกไม่ให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันเงินกู้ให้กับกองทุนน้ำมันๆ ต้องกู้เงินเอง
การใช้น้ำมันในประเทศไทยเรานำเข้าน้ำมันวันละ 1 ล้านบาร์เรล เป็นการนำเข้า 90% หรือประมาณ 9 แสนบาร์เรล และในสัดส่วนการนำเข้า 54% มาจากตะวันออกกลาง ถึงได้อ้างอิงน้ำมันจากตลาดดูไบ น้ำมันในประเทศมีเพียง10% และไม่ใช่น้ำมันคุณภาพดีมาก ไทยเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมัน ไม่ใช่ประเทศที่ผลิตน้ำมัน ที่ไทยมีมาก คือ ก๊าซธรรมชาติผลิตได้ 89% นำเข้า 11% ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่
ส่วนที่ส่งออก เป็นประเด็นที่นำน้ำมันเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านจากนั้นนำไปกลั่นแล้วส่งไปขาย ประมาณ 20 ล้านลิตรต่อวัน ไม่ได้เป็นจำนวนมาก ไม่สามารถนำมาบรรเทาผลกระทบของกองทุนน้ำมันได้ ตอนนี้ทุกภาคส่วนคงต้องช่วยกันประหยัด เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่กระทบไปทั่วโลก
#ตรึงดีเซล
แฟ้มภาพ