การนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์อย่างไม่เป็นทางการ Reuters รายงานว่า นายเฟอร์ดินันด์ “บงบง” มาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี ลูกชายอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส คว้าชัยชนะมีคะแนนนำเหนือคู่แข่งคนสำคัญ คือ นางเลนี โรเบรโด วัย 57 ปี รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรคเสรีนิยม มากกว่า 30% เป็นชัยชนะครั้งแรกโดยเสียงข้างมาก หลังจากที่ระบอบการปกครองของตระกูลมาร์กอส ถูกประชาชนโค่นอำนาจลงเมื่อ 36 ปี
การเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 67.5 ล้านคน ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ แสดงให้เห็นว่า นายมาร์กอส ได้ผ่านคะแนนเสียง 27.5 ล้านเสียงที่จำเป็นสำหรับเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการหวนคืนสู่การปกครองของตระกูลมาร์กอส
ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจากผู้ลงคะแนนเสียงราว 78.88% พบว่า นายมาร์กอส ได้รับคะแนนเสียงมากถึง 25,489,420 เสียง มากกว่านางเลนี ซึ่งได้เพียง 12,145,860 เสียง สอดคล้องกับผลการสำรวจก่อนการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ นางซาร่า ดูเตอร์เต บุตรสาววัย 43 ปีของประธานาธิบดี โรดิโก ดูเตอร์เต ก็ได้คะแนนนำในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดี โดยได้รับคะแนนเสียง 25,408,391 เสียง
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีดูเตอร์เต จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 มิ.ย. 65 หลังจากอยู่ในตำแหน่งผู้นำฟิลิปปินส์เป็นเวลา 6 ปี ขณะที่รัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์กำหนดให้ประธานาธิบดีไม่สามารถดำรงตำแหน่งเกินกว่า 1 สมัย
BBC รายงานว่า ขั้นตอนการนับคะแนนและการตรวจสอบอาจใช้เวลาหลายวันกว่าจะประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการ แม้ว่าบางหน่วยเลือกตั้งจะถึงเวลาปิดลงคะแนนแต่ก็ขยายเวลาให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และ มีคนเข้าคิวรอลงคะแนนที่คูหาเลือกตั้งที่โรงเรียนและศูนย์ชุมชน
ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนให้ข้อมูลกับ BBC ว่ามีปัญหาในการลงคะแนน เช่น ให้นำใบลงคะแนนทิ้งไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ในคูหาเลือกตั้ง
นายจอร์จ การ์เซีย กรรมการการเลือกตั้ง Comelec ได้กล่าวก่อนหน้านี้กับ BBC ว่า ปกติการเลือกตั้งมีการกล่าวหาเรื่องความผิดปกติอยู่แล้ว แต่จากการตรวจสอบในขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติ และการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเกิดความรุนแรงน้อยที่สุด ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเต็มที่
มีการรายงานชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายของนายมาร์กอสว่าไม่ได้รับประกันว่าเขาจะเป็นผู้นำที่ได้รับความนิยมหรือมีประสิทธิภาพ แต่จะทำให้ตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาเริ่มแข็งแกร่ง ดึงดูดนักเทคโนแครตและนักเศรษฐศาสตร์ เต็มใจที่จะทำงานร่วมกับคณะรัฐมนตรีของเขามากขึ้น
จุดเฝ้าระวังสำคัญอย่างหนึ่งภายใต้การบริหารงานของนายมาร์กอส คือ การทุจริตและการถูกวิจารณ์ การบริหารงานของรัฐบาลของนายมาร์กอส จะต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ แต่ถ้าหากเขาแต่งตั้งคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดและความสัมพันธ์ส่วนตัวอื่นๆ นั่งในตำแหน่งสำคัญๆ ก็จะทำให้นักลงทุนมีความกังวล
นายมาร์กอส ให้รายละเอียดนโยบายว่าสิ่งหนึ่งที่เขาอยากทำ คือ การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของฟิลิปปินส์ มีการจับตาดูความสัมพันธ์กับจีนเพิ่มมากขึ้น โดยมองว่า การใช้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำจากจีน ช่วยลดผลกระทบทางการเงินจากการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานได้
ในช่วงแคมเปญหาเสียง นายมาร์กอส ยังไม่ได้ประกาศนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมออกมา แต่ระบุว่าจะคงนโยบายเก่าของประธานาธิบดีดูเตอร์เต เอาไว้ ทำให้คาดว่าหากเขาได้รับชัยชนะนโยบายด้านต่างๆ ก็ไม่ต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมา
#ผลเลือกตั้งฟิลิปปินส์
CR:Reuters,BBC