กกร.นัดประชุมพุธนี้ประเมินภาวะศก. ของแพง กดดันแรงซื้อตก

09 พฤษภาคม 2565, 10:22น.


          วันพุธนี้ 11 พ.ค.65 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย) นัดประชุมติดตามปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานส.อ.ท. เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีความกังวลปัจจัยลบหลายด้านที่มีแนวโน้มกดดันทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นจากราคาสินค้าปรับขึ้นต่อเนื่อง จะมีผลให้เงินเฟ้อของไทยสูงขึ้นอีก บั่นทอนกำลังซื้อของคนไทย แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลได้เปิดการท่องเที่ยว เต็มรูปแบบตั้งแต่ 1 พ.ค.65  การประชุมในวันพุธนี้ จะมีการหารือภาพรวมเศรษฐกิจการส่งออก อัตราเงินเฟ้อทั่วไป



        เงินเฟ้อเมื่อเดือน เม.ย.65 อยู่ที่ 4.65% ซึ่งมาจากค่าพลังงานและราคาอาหารที่ปรับขึ้นเป็นหลัก ขณะที่ แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลก ยังคงทรงตัวระดับสูง จากสถานการณ์ที่สหภาพยุโรป (EU) เตรียมแบนน้ำมันรัสเซีย และหากประเมินการสู้รบรัสเซีย-ยูเครน หลายฝ่ายต่างก็คาดว่าจะยืดเยื้อถึงปลายปีนี้หรือปีหน้า จึงทำให้มาตรการแซงก์ชันต่างๆยังคงอยู่ต่อไปและอาจมีเพิ่มขึ้นอีก จึงต้องติดตามใกล้ชิด เราจึงกังวลว่าภาวะเช่นนี้จะยิ่งทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นซึ่งทำให้กำลังซื้อลดลง



        นอกจากนี้ ราคาวัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ปรับขึ้นจากผลกระทบรัสเซีย-ยูเครน ทั้งปุ๋ยเคมี อาหารสัตว์ เหล็ก แร่หายาก ชิปเซมิคอนดักเตอร์ พลาสติก และอื่นๆ ส่งผลต่อต้นทุนการผลิต ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคต่างมีต้นทุนที่ปรับตัวสูง ทำให้ผู้ประกอบการ ต้องทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าและมีแนวโน้มจะทยอยปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องหากสถานการณ์เหล่านี้ยังคงไม่ทุเลาลง



         ส.อ.ท.ได้ขอร้องให้สมาชิกพิจารณาตรึงราคาสินค้าให้ได้มากสุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อประคองเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน เนื่องจาก หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 พ.ค.65 จะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวค่อยๆดีขึ้น และจะทำให้เศรษฐกิจไทยค่อยๆฟื้นตัว โดยหลายฝ่ายประเมินว่าจะมีเม็ดเงินที่เพิ่มเข้ามาจากมาตรการนี้ 600,000 ล้านบาท



          ราคาขายปลีกน้ำมันของไทย มีทิศทางปรับขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ที่รัฐบาลขยับเพดานมาอยู่ที่ 32 บาท/ลิตร เมื่อวันที่ 1 พ.ค.65 และกำหนดไว้ไม่เกิน 35 บาท/ลิตร ซึ่งเพดานดังกล่าวทำให้ราคาจะปรับขึ้นอีกและยังไม่รวมกับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 3 บาท/ลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ที่จะสิ้นสุด 20 พ.ค.65 จะหมดลงหากไม่ต่อจะทำให้ดีเซลขยับขึ้นอีก 3 บาท/ลิตร



         ดังนั้น จึงเห็นว่ารัฐควรจะขยายมาตรการดังกล่าวไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน ขณะเดียวกัน ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.65 ได้ปรับขึ้นเมื่อรวมค่าไฟฟ้าฐาน ต้องจ่ายถึง 4 บาท/หน่วย ล้วนมีผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากค่าพลังงาน



 



#คณะกรรมร่วมภาคเอกชน3สถาบัน



#ของแพง



แฟ้มภาพ กรมการค้าภายใน 



 



 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X