ทัพเรืออินโดนีเซีย ตรวจยึดเรือสินค้า ละเมิดคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม

07 พฤษภาคม 2565, 19:17น.


          กองทัพเรืออินโดนีเซีย ตรวจยึดเรือติดธงชาติสิงคโปร์ บรรทุกน้ำมันปาล์มออกนอกประเทศ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามการส่งออกที่เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 เมษายน (2565) เนื่องจากอินโดนีเซียที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังเผชิญกับปัญหาราคาปาล์มภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นมาก และเริ่มขาดแคลน



          มาตรการห้ามส่งออกมีผลครอบคลุมทั้งน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (อาร์พีโอ) น้ำมันปาล์มโอเลอิน และน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้ว





          กองทัพเรืออินโดนีเซีย เปิดเผยว่า เมื่อวันพุธ (4 พ.ค.) กองทัพเรือสกัดเรือชื่อเอ็มวี มาตุภูมิ (MV Mathu Bhum) ขณะมุ่งหน้าไปยังมาเลเซีย เมื่อตรวจสอบพบว่า ในเรือมีตู้คอนเทนเนอร์ 34 ตู้ซึ่งบรรจุน้ำมันปาล์มโอเลอินที่ผ่านการขัดสี ฟอกขาว ดับกลิ่น (RBD) แล้ว



          ตามรายงานขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า อินโดนีเซียผลิตน้ำมันปาล์มประมาณร้อยละ 60 ของโลก โดย 1 ใน 3 ของผลผลิตถูกใช้ในประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 50 ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว สืบเนื่องจากสถานการณ์ระหว่างยูเครนกับรัสเซียในเวลานั้น ร่วมด้วยการที่แอฟริกาใต้มีภัยแล้งรุนแรงทำให้ผลผลิตถั่วเหลืองเสียหาย ภาคการผลิตจึงเปลี่ยนไปใช้น้ำมันปาล์ม ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มในอินโดนีเซียจึงเร่งส่งออก และเมื่อรัสเซียบุกโจมตียูเครน น้ำมันพืชก็ยิ่งมีราคาเพิ่มสูงขึ้นจนแตะระดับสูงสุด



          การเร่งส่งออกเพิ่มขึ้นเพื่อทำกำไร กลับส่งผลให้มีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ราคาของน้ำมันปาล์มในประเทศเริ่มปรับสูงขึ้น และทำให้ทางการต้องเข้าแทรกแซงเพื่อควบคุมราคา



          แต่การที่อินโดนีเซีย ห้ามส่งออกส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง และคาโนลา ปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน



          ทางการอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า พวกเขาจะกลับมาส่งออกอีกครั้งเมื่อราคาน้ำมันสำหรับประกอบอาหารในท้องถิ่นปรับราคาลดลงจากระดับสูงสุดที่ 26,000 รูเปียห์ต่อลิตร ลงมาอยู่ที่ 14,000 รูเปียห์ (ประมาณ 33 บาท) ต่อลิตร โดยเมื่อวันศุกร์ (6 พ.ค.)ราคาลดลงมาอยู่ที่ 17,200 รูเปียห์ ต่อลิตร



...



#อินโดนีเซีย



#น้ำมันปาล์ม

ข่าวทั้งหมด

X