หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดอย่างที่ตลาดได้กังวลในช่วงก่อนหน้า โดยเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ตามคาด เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ และประกาศแผนการลดงบดุลเดือนละ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนมิ.ย.65 ก่อนที่จะเพิ่มอัตราการลดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในเดือนก.ย.65 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 5 พ.ค.65 ที่ระดับ 34.04 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.53 บาทต่อดอลลาร์ (จากระดับปิดเมื่อวันที่ 3 พ.ค.65) โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.15 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดการเงิน พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On)
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดอาจช่วยลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้บ้าง อย่างไรก็ตาม แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทยังคงอยู่ เช่น ความไม่แน่นอนของสงครามที่จะกดดันสกุลเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หากยุโรปตัดสินใจคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย หรือ รัสเซียยุติการส่งออกพลังงานไปยุโรป นอกจากนี้ ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ในจีน ก็มีโอกาสที่จะกดดันสกุลเงินฝั่งเอเชียและทำให้นักลงทุนยังไม่รีบกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น EM Asia ในระยะสั้น ทำให้มองว่า เงินบาทยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideways ใกล้ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ ควรจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติว่าจะเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยและบอนด์ไทยมากขึ้นหรือไม่ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาทยอยเปิดรับความเสี่ยง แนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย เช่น ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ ตลาด รอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ตลาดประเมินว่า BOE อาจมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.00% เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ BOE อาจประเมินว่าการเจริญเติบโตเศรษฐกิจอาจชะลอลง แต่ปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจะทำให้ BOE ทยอยขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ในอนาคต
#เงินบาท
#เฟด
แฟ้มภาพ