เป็นไปตามคาดการณ์ ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 0.75-1.00% เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
นอกจากนี้ เฟดยังเปิดเผยแผนทยอยปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. 65 ซึ่งงบดุลดังกล่าวประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) โดยขณะนี้มีมูลค่ารวม 8.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แถลงการณ์ของเฟด ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงในไตรมาสแรก แต่การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของภาคธุรกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ เงินเฟ้อ ยังคงดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ การที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เศรษฐกิจ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะทำให้ปัญหามีความรุนแรงขึ้น นอกเหนือจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน และเหตุการณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดแรงกดดันเพิ่มขึ้นต่อเงินเฟ้อและมีแนวโน้มถ่วงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐฯอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมากและอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับที่สูงเกินไป เฟดจะเร่งดำเนินการให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า แต่คณะกรรมการเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75%
-ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,061.06 จุด พุ่งขึ้น 932.27 จุด หรือ +2.81%
-ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,300.17 จุด เพิ่มขึ้น 124.69 จุด หรือ +2.99%
-ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,964.86 จุด พุ่งขึ้น 401.10 จุด หรือ +3.19%
ในปีนี้ FOMC มีการประชุมต่อเนื่องอีกหลายครั้งในปีนี้
-วันที่ 14-15 มิ.ย.65
-วันที่ 26-27 ก.ค.65
-วันที่ 20-21 ก.ย.65
-วันที่ 1-2 พ.ย.65
-วันที่ 13-14 ธ.ค.65
#เฟด
#ขึ้นดอกเบี้ย