มาตรการเปิดเรียนออนไซต์ปลอดภัยอยู่ได้กับโควิด-19 ในสถานศึกษา นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้ประชุมร่วมกับ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และศึกษาธิการจังหวัด ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ โดยที่ประชุมมีมติเปิดเรียนแบบออนไซต์เต็มรูปแบบในภาคเรียนที่ 1/2565 เนื่องจากกำลังเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่น ตัวเลขติดเชื้อและเสียชีวิตมีแนวโน้มลดลง ดังนั้นเพื่อเตรียมพร้อมการเปิดเรียนที่จะถึงในช่วงกลาง พ.ค.นี้ จึงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง นพ.สสจ. ผู้บริหารโรงเรียน และเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา มาพูดคุยซักซ้อมการเปิดเรียน โดยขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และศูนย์อนามัยขับเคลื่อนทุกอย่างให้เป็นไปตามมาตรการ พร้อมเน้นย้ำใน 4 เรื่อง
1. ทำความเข้าใจผู้ปกครองให้บุตรหลานมาฉีดวัคซีนโควิดตามสมัครใจ เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อให้แก่ลูกหลานทุกช่วงวัย คือ อายุ 5-11 ปี ในเข็มปกติ และอายุ 12-18 ปี เข็มกระตุ้น โดยใช้สถานศึกษาเป็นฐาน ให้ทุกส่วนให้คำแนะนำว่าวัคซีนมีประโยชน์ในการสร้างความปลอดภัย ป้องกันการติดเชื้อ อาการรุนแรงและเสียชีวิตในเด็ก
2. สสจ.และศูนย์อนามัย ประสานสถานศึกษาเข้ารับการประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID+ ต้องผ่านการประเมินมากกว่า 95% นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาประเมินความเสี่ยงตนเองผ่านไทยเซฟไทยก่อนเปิดเทอมออนไซต์
3. เรื่องการตรวจหาเชื้อ เมื่อก่อนอาจจะตรวจทุก 3-5 วัน แต่มีข้อสรุปให้ตรวจเมื่อมีอาการหรือมีความเสี่ยง
4. ครู บุคลากร และเด็กนักเรียน เข้ารับวัคซีนครบตามเกณฑ์
นอกจากนี้ ขอย้ำว่าเมื่อพบผู้ติดเชื้อหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้ทำตามแผนเผชิญเหตุ ไม่ปิดชั้นเรียน เพราะนักเรียนควรเรียนรู้อย่างเต็มที่ที่โรงเรียน ต้องมีสถานที่ปฏิบัติตามมาตรการให้คำแนะนำ โดยให้ สสจ.ทำตามนโยบาย ศูนย์อนามัยเป็นพี่เลี้ยง เพื่อเดินหน้ามาตรการทั้งหมด เพื่อมูฟออนเปิดเทอมออนไซต์ให้ได้ และย้ำดำเนินมาตรการ 6 หลัก 6 เสริม และ 7 เข้ม
สำหรับโรงเรียนที่จะเปิดเรียนมีหลายสังกัด รวม 3.5 หมื่นโรงเรียน เป็นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 2.9 หมื่นโรง เอกชน 4.1 พันโรง และสังกัด อปท. มหาดไทย กทม. หรือหน่วยงานอื่นๆ อีก 1.8 พันโรง โดย 90% เปิดเทอมวันที่ 17 พ.ค. การเตรียมความพร้อม ศธ.ได้เร่งรัดผ่าน ศธจ.ให้สถานศึกษาเตรียมความพร้อม เตรียมการด้านกายภาพ ทำความสะอาด อุปกรณ์ต่างๆ ให้เพียงพอ และย้ำ ศธจ.ทุกจังหวัดวางแผนนำเด็กเข้ารับวัคซีนตามเกณฑ์กำหนด
-มาตรการการเปิดเรียนในโรงเรียนประจำ เน้นแซนด์บ็อกซ์ เซฟตี้โซน แบ่งเป็น
*กรณีนักเรียน ครูเป็นผู้ติดเชื้อ กรณีไม่มีอาการ จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสมเว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 2 เมตร งดกิจกรรมรวมกลุ่ม เน้นการระบายอากาศ
*กรณีครู นักเรียน หรือบุคลากร เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เรียนได้ตามปกติ จัดระยะห่างระหว่างนักเรียนไม่น้อยกว่า 1 เมตร
*กรณีสัมผัสเสี่ยงสูง หากไม่ได้รับวัคซีน ทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการแนะนำให้กักตัวเป็นเวลา 5 วัน และติดตามเฝ้าระวังอีก 5 วัน กรณีได้รับวัคซีนโควิด ไม่แนะนำกักกัน ตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วย ATK ถ้ามีอาการตรวจทันที ให้ตรวจครั้งที่ 1วันที่ 5 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อและตรวจครั้งสุดท้ายวันที่ 10 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ
-มาตรการเปิดเรียนออนไซต์ อยู่กับโควิดโรงเรียนไป-กลับ
*กรณีนักเรียนครู หรือบุคลากรติดเชื้อ แยกกักตัวที่บ้าน หรือพิจารณาจัดทำ School Isolation โดยคณะกรรมการสถานศึกษา หน่วยงานสาธารณสุขและคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด จัดรูปแบบการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มไม่มีอาการ ทำความสะอาดห้องเรียน ชั้นเรียน สถานศึกษา และเปิดเรียนตามปกติ
*กรณีครู นักเรียนหรือบุคลากรเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เรียนในสถานศึกษาได้ตามปกติ เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 1 เมตร
*กรณีสัมผัสเสี่ยงสูง กรณีไม่ได้รับวัคซีนโควิดตามแนวทางปัจจุบัน ทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการแนะนำให้กักตัวเป็นเวลา 5 วัน และติดตามเฝ้าระวังอีก 5 วัน กรณีได้รับวัคซีนครบตามคำแนะนำในปัจจุบัน ไม่มีอาการ ไม่แนะนำให้กักกัน และพิจารณาให้ไปเรียนได้ โดยมีการตรวจหาเชื้อด้วย ATK ถ้ามีอาการให้ตรวจทันที ให้ตรวจครั้งที่ 1 วันที่ 5 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ และตรวจครั้งสุดท้าย วันที่ 10 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ และสถานศึกษาจัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 2 เมตร และประสานหน่วยบริการสาธารณสุขตามระบบงานอนามัยโรงเรียน
#เด็กต้องเรียนรู้
#เปิดโรงเรียนเต็มรูปแบบ