สภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน (USCBC) ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่ทำธุรกิจอยู่ในจีน 260 แห่ง เปิดเผยว่า ไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯจะยังคงมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีกต่อไป หลังใช้บังคับมาตั้งแต่รัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำคนก่อนของสหรัฐฯ พร้อมขอให้สหรัฐฯยกเลิกมาตรการดังกล่าว จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งประสบปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูงร้อยละ 8.5 ในเดือนมีนาคม
USCBC ระบุว่า สมาชิกของ USCBC คัดค้านเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนมาตั้งแต่ต้น ระบุว่าเป็นมาตรการทางภาษีที่ไม่จำเป็นสำหรับผู้บริโภค และไม่เอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจของสหรัฐฯ โดยข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้นหลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯแถลงว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้เติบโตเพียงร้อยละ 1.4 เทียบกับร้อยละ 6.9 ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอไมครอนและภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวล เรื่องภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจสหรัฐฯในอนาคต
ก่อนหน้านี้ นายดาลีบ ซิงห์ รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯและนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ พูดเป็นนัยว่า สหรัฐฯอาจจะพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน นายซิงห์ กล่าวในที่ประชุมแห่งหนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วว่า มาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่ประกาศใช้ในสมัยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่มีประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์ เพิ่มเติมว่า นายไบเดน อาจจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยเฉพาะสินค้าทั่วไป เช่น รถจักรยานหรือเสื้อผ้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกทั้งช่วยลดอัตราเงินเฟ้อ
ด้านนางเยลเลน พูดในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กเมื่อวันศุกร์ที่แล้วในทำนองเดียวกันว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะทบทวนเรื่องยุทธศาสตร์ทางการค้ากับจีน รวมทั้งจะพิจารณาเรื่องการยกเลิกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
#สหรัฐฯ
#ลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน