'นพ.อุดม' หนุนปลดล็อกมาตรการ 1 พ.ค.เร่งใช้ยาโมลนูพิราเวียร์-แพกซ์โลวิด

22 เมษายน 2565, 11:21น.


          รอลุ้นที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ พิจารณาผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ เริ่ม 1 พ.ค.65



-กระทรวงสาธารณสุข เสนอหากฉีดวัคซีน 3 เข็ม จะให้ตรวจ ATK 1 ครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง



-กรณีฉีดวัคซีนไม่ครบ 3 เข็ม ให้กักตัว 5 วัน และสังเกตตัวเองต่ออีก 5 วัน



-กรณีที่ไม่ฉีดวัคซีนเลย ให้กักตัว 14 วัน



-ลดหรือเลิกวงเงินประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย



          นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เห็นด้วยที่จะให้มีการผ่อนคลายมาตรการ เริ่ม 1 พ.ค.65 เนื่องจาก สถานการณ์โควิด-19 อยู่ในช่วงขาลง ผู้ติดเชื้อรายใหม่ดีกว่าที่คาดการณ์ ต้องนึกถึงเรื่องเศรษฐกิจ ขณะที่ เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่น



          ก่อนหน้านี้ คาดว่า หลังสงกรานต์ยอดผู้ป่วยจะเพิ่มสูงขึ้น ปรากฏว่า ประชาชนให้ความร่วมมือดีมาก ตอนนี้จึงต่างจากที่คาดการณ์ไว้เยอะ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ จากการตรวจ RT-PCR อยู่ที่ 2.1 หมื่นคน หากรวมกับการตรวจเชื้อแบบ ATK จะอยู่ที่ 4-5 หมื่นคน ซึ่งเราเคยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้หลายเท่า แต่ปรากฏว่าไม่ขึ้น อีกทั้งเรามีคนไข้อยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศเพียง 1.9 แสนราย แสดงว่า อาการของคนไข้ไม่ได้หนัก คนไข้ที่ต้องใช้เตียงผู้ป่วยระดับสีเหลืองและระดับสีแดง รวมกันใช้ไปเพียง 25% ของเตียงทั้งหมด ถือว่าน้อยมาก



          ส่วนที่ยังมีความกังวลเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิต ที่ยังมีตัวเลขประมาณ 120 ราย อยากให้ดูตัวเลขกันใหม่ เพราะหากเทียบกับจำนวนผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้าโรงพยาบาล อยู่ที่ 0.29% หากนับผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 0.67% เมื่อเทียบกับทั่วโลกเรายังต่ำกว่าเขา จึงเป็นช่วงขาลง และลงเร็วกว่าที่เราคิด แต่หากจะเอาให้ชัวร์ต้องรอให้ถึงสิ้นเดือนนี้-ต้นเดือนพ.ค.65 ซึ่งเป็นช่วง 14 วันหลังเทศกาลสงกรานต์ ที่พ้นระยะฟักตัว และเชื่อว่าตัวเลขไม่น่าจะขึ้นแล้ว



           นพ.อุดม กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่กังวล คือ เดือนพ.ค.65 จะเป็นช่วงเปิดเทอม แต่การฉีดวัคซีนในเด็กทำได้เพียงครึ่งหนึ่ง ในส่วนตัว คิดว่า ต้องเปิดเรียนแบบปกติ ไม่เช่นนั้น เด็กจะเสียโอกาส เพียงแต่ขอร้องให้ผู้ปกครองพาเด็กไปฉีดวัคซีนเพราะสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้จริง และโรงเรียนต้องพยายามทำ COVID-Free Settingให้ดีที่สุด หากจะเปิดทุกอย่าง สิ่งที่กังวล คือ คนที่จะเจ็บป่วยรุนแรง ตอนนี้เรามียาตัวใหม่ที่จะได้ผลจริง คือ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาแพกซ์โลวิด ตอนนี้กำลังกระตุ้นให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งนำเข้ามาให้ได้โดยเร็ว เพราะสามารถช่วยคนในกลุ่ม 608 ดีกว่ายาฟาวิพิราเวียร์ ขณะนี้อนุมัติหลักการไปแล้ว แต่กระบวนการช้า ส่วนยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว Long- Acting Antibody (LAAB) สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถกระตุ้นภูมิด้วยวัคซีนได้ อยากให้ทำความเข้าใจว่า ใช้ประโยชน์เฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่กระตุ้นภูมิไม่ขึ้น ไม่ได้เอามาใช้แทนวัคซีน



 



#ผ่อนคลายมาตรการ



#โควิด19



แฟ้มภาพ



 

ข่าวทั้งหมด

X