+++พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ได้ทำการสรุปว่านางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ คือผู้บงการในคดีปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ทั้งนี้ ยังคงต้องรอให้การดำเนินการสอบสวน ตัวผู้ต้องสงสัยเสร็จสิ้น เรียบร้อยเสียก่อน
+++บรรยากาศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับการนำตัวผู้ต้องหาคดีขว้างระเบิดแสวงเครื่องชนิด RGD5 บริเวณลานจอดรถหน้าศาลอาญา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เตรียมแถลงชี้แจงรายละเอียดผลการจับกุม
+++ขณะที่ วันนี้ ศาลอาญา อ่านคำพิพากษา คดีลอบวางระเบิด ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอัฟฟาฮัม สะอะ อายุ 26 ปี ชาว จ.ปัตตานี และนายอิดริส สะตาปอ อายุ 26 ปี ชาว จ.นราธิวาส นายคัมคีร์ ลาเต๊ะ ชาว จ.ปัตตานี นายอิลรอเฮ็ง แวแม ชาว จ.ปัตตานี เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, กระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันทำและมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุสมควร ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ แต่ให้การปฏิเสธในชั้นศาล ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2556 เวลา 20.40 น. จำเลยได้ร่วมกันประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแล้วนำไปวางไว้บริเวณจุดทิ้งขยะ ปากซอยรามคำแหง 43/1 จนระเบิดขึ้นทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน และมีร้านค้าแผงลอย อาคารบริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหาย
+++บ่ายนี้ ทีมพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีที่มีการยักยอกจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นไปให้ พระธัมมชโย วัดธรรมกายและพระลูกวัด พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล หัวหน้าชุดติดตามเส้นทางการเงินวัดพระธรรมกาย เปิดเผยกำหนดเข้าให้ปากคำของพระมนตรี สุตาภาโส ภายหลังมีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เบื้องต้นได้รับการติดต่อจากทนายว่าพระมนตรี ขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำไปเป็นวันที่ 20 มี.ค. ซึ่งทางทนายความของพระมนตรีอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารหลักฐาน กลุ่มบุคคลที่มีชื่อเกี่ยวข้องเป็นผู้รับเช็คจากนายศุภชัยที่ทางดีเอสไอนัดเข้าให้ปากคำกลุ่มแรก เลื่อนให้ปากคำพระครูปลัดวิจารย์เลื่อนให้ปากคำเป็นวันที่ 19 มี.ค. พระธัมมชโย เลื่อนให้ปากคำเป็นวันที่ 26 มี.ค. และพระมนตรี เลื่อนเป็นวันที่ 20 มี.ค. นอกจากนี้ทางดีเอสไอยังสอบปากคำกลุ่มนิติบุคคล 38 บริษัท อย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 4 บริษัท เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเช็ค
+++มีความชัดเจน หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งชะลอเรื่องการออกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ออกไปก่อน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในระยะยาว ไม่ให้กระทบต่อประชาชน เนื่องจากขณะนี้ เศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว สถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ค่อยพร้อม ตอนนี้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยยัง มีภาระอยู่ อยากให้ชะลอไปก่อน ให้เป็นไปในแนวทางการศึกษาและดูว่าสิ่งต่าง ๆ ที่อาจมีการดำเนินการต้องไม่กระทบกับประชาชนในอนาคต ส่วนจะชะลอไปนานหรือไม่ จะต้องดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโดยรวมต่อไป มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้รวบรวมศึกษา เน้นศึกษาโครงสร้างภาษีโดยรวม การปฎิรูปให้เหมาะสมกับอนาคต ด้วยการศึกษาภาษีและโครงสร้างของประเทศอื่นๆประกอบ
+++ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ กล่าวว่า โครงสร้างทางภาษีเป็นสิ่งที่ต้องปรับโครงสร้างเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมารายได้จากการจัดเก็บภาษี คิดเป็นรายได้ของรัฐบาลต่ำกว่าร้อยละ 20ของจีดีพี มาโดยตลอด ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับต่างประเทศที่มีรายได้จากการเก็บภาษีคิดเป็นร้อยละ 26-28 ของจีดีพี เมื่อปี 2557 รัฐบาลไทยมีรายได้จากการเก็บภาษีร้อยละ 19 ทั้งนี้ ภาษีที่ต้องปรับโครงสร้างคือ ภาษีมรดก ภาษีที่ดินและที่อยู่อาศัย รวมถึงการอุดรูโหว่ทางการจัดเก็บภาษีด้านอื่นๆ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า มาตราการด้านภาษีจะทำให้ไทยมีขีดความสามารถแข่งขันมากขึ้น เช่นเดียวกับการใช้มาตรการภาษีกับตลาดทุนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่ลดอัตราภาษีให้กับบริษัทจดทะเบียนเป็นร้อยละ 15 จากเดิมร้อยละ 30 ก็ทำให้ความน่าสนใจของตลาดทุนไทยมีเพิ่มขึ้นเช่นกัน
+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เชื่อว่า กระทรวงการคลังน่าจะได้คำตอบจากสังคมแล้ว หากกระทรวงการคลังดำเนินการเสร็จ จะส่งเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป และคงต้องผ่านการ กลั่นกรองจากครม.เศรษฐกิจก่อน
+++ ด้านนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะทำอย่างไรให้กฎหมายออกมาดีที่สุด อย่างไรก็ตามจะให้ยุติการพิจารณาภาษีที่ดินคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการเข้ามาทำงาน มีหน้าที่ในการบริหารและดูแลเรื่องการจัดเก็บรายได้ ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปภาษี เพื่อดูแลการจัดเก็บไม่ให้รั่วไหล เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอดูแลประเทศ
+++นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) กระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกสบน.เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 17 มี.ค. กระทรวงการคลัง โดย สบน.จะเสนอที่ประชุมอนุมัติให้กระทรวงการคลัง กู้เงินวงเงินรวม 8 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ลงทุนโครงการซ่อมแซมถนน 4 หมื่นล้านบาท และโครงการลงทุนบริหารจัดการน้ำ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการลงทุนดังกล่าว เป็นไปตามแผนการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งได้ผ่านการอนุมัติโดยคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว วงเงินกู้ดังกล่าว สบน.จะทำการกู้ภายใต้กรอบการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมในปีงบประมาณ 2558 จำนวน 5.7 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะกู้ในปีงบประมาณถัดไป หากคณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สบน.จะเริ่มแผนการกู้เงินได้ทันทีราวเดือนเม.ย. โดยจะทยอยกู้ตามความต้องการใช้เงิน หรือครั้งละ 5,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งภายใต้ กรอบการกู้เงินดังกล่าว กำหนดให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินตราต่างประเทศได้ หากกระทรวงการคลังเห็นว่า ถ้าสามารถกู้เงินจากตลาดเงินในประเทศได้ ก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งในส่วนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา พยายามจะกู้เงินส่วนใหญ่ให้หมดภายในปีงบ 2558 นี้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยจะทยอยกู้เงินตามความต้องการใช้เงินของแต่ละโครงการ ส่วนแนวโน้มตัวเลขหนี้สาธารณะต่อ จีดีพีนั้น ขณะนี้ยังไม่มีสถานการณ์ใดที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับหนี้สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งตามประมาณการใน สิ้นปีงบประมาณ 2558 นี้ สบน.คาดการณ์ว่า ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะอยู่ที่ร้อยละ49 จากปัจจุบัน ณ สิ้นเดือนม.ค.อยู่ที่ร้อยละ 46.46
+++พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ร่วมกับนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีนร่วมลงนามบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมในความร่วมมือด้านพัฒนารถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร ไทย-จีน ในการประชุมครั้งที่ 3 ภายหลังการสรุปรูปแบบความร่วมมือการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ หรือ(Engineering Procurement Construction:EPC) ทั้งนี้ฝ่ายไทยและจีน จะเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้ โดยการสำรวจและออกแบบ ช่วงที่1เส้นทางกรุงเทพ-แก่งคอย และช่วงที่2เส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.2558 โดยองค์การรถไฟจีน (CRC)และบริษัทรัฐวิสาหกิจจีน(China Railway Construction Corporation:CRCC)เป็นผู้ดำเนินงาน ส่วนช่วงที่3เส้นทางแก่งคอย-นครราชสีมาและช่วงที่4เส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย ให้ศึกษาและออกแบบแล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค. ทางการจีนแสดงความห่วงเรื่องความล่าช้าการเวนคืนที่ดิน ซึ่งไทยได้อธิบายถึงรูปแบบการเวนคืนที่ดิน โดยจะออกกฎหมายเวนคืนที่ดินให้แล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือน ส.ค.2558และจะทำการทยอยส่งมอบพื้นที่ให้ทางการจีนตามกรอบเวลาที่วางไว้
+++พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า วันที่ 8 พ.ค. จะนำคณะไปลงนามสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตร 2 รายการได้แก่ ไทยขายข้าวให้จีนปริมาณรวม 2 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเก่า 1 ล้านตัน ข้าวใหม่ 1 ล้านตันกำหนดส่งมอบภายในปี 2559 ในราคาตลาด ณ ท่าเรือกรุงเทพ (FOB) และไทยขายยางพาราคา ให้จีน ปริมาณ 2 แสนตัน ราคาFOB บวกราคามิตรภาพ นอกจากนี้ จีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากไทย ตลอดช่วงเวลาที่การสร้างทางรถไฟจะแล้วเสร็จ จะหารือรายละเอียดอีกครั้ง หากสามารถเป็นช่องทางขายสินค้าเกษตรได้อีกก็จะเป็นเรื่องที่ดี ไม่ได้จำกัดเฉพาะว่าต้องเป็นจีนแต่ประเทศใดก็ได้ที่มีศักยภาพก็สามารถสร้างความร่วมมือกับไทยได้
+++บอร์ดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องรถไฟสายสีน้ำเงิน การแต่งตั้งผู้ว่าการ รฟม. การเจรจาต่อรองราคากับผู้ชนะการประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
+++นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเดือน มี.ค. 2558 สะท้อน มุมมองเชิงลบครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ค่าดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำอยู่ที่ 45.56 จุด ลดลง 7.13 จุด เทียบกับเดือนที่ผ่านมาที่ 52.69 จุด โดยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ กลับมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุด สะท้อนทัศนคติในเชิงลบต่อราคาทองคำในประเทศ หลังจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ จากความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และลดความน่าสนใจของทองคำ
+++ราคาทองคำ ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน หลังดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ช่วยพยุงให้ราคาทองคำฟื้นตัวเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,151.90 ต่อออนซ์
+++น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 57.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดน้ำมันโลก ถูกกดดันจากข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 448.9 ล้านบาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันที่เมืองคุชชิง ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับขึ้นทั่วทุกกระดาน ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 259.83 จุด ปิดที่ 17,895.22 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 25.71 จุด ปิดที่ 2,065.95 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 43.35 จุด ปิดที่ 4,893.29 จุด