สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มต้นปีนี้ได้ดีมาก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของจีนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เติบโตร้อยละ 4.8 สูงกว่าร้อยละ 4 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว สูงเกินตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คือร้อยละ 4.4 โดยเฉพาะในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ดัชนีทางเศรษฐกิจหลายตัว เช่น การผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในเดือนมีนาคมชะลอตัวลงทั้งการบริโภค ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการส่งออกของจีนอ่อนแอลงอย่างชัดเจน เป็นผลพวงจากสถานการณ์การสู้รบในยูเครน และการล็อกดาวน์กว่า 10 เมือง รวมทั้งนครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางทางการเงินและอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกของจีน จะกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสต่อๆไป
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ ระบุว่า ประชาชน 25 ล้านคนในนครเซี่ยงไฮ้และเศรษฐกิจท้องถิ่นซึ่งมีสัดส่วนจีดีพีคิดเป็นร้อยละ 40 ของจีนจะได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ หลายบริษัทต้องหยุดการผลิตชั่วคราว รวมทั้ง บริษัทโฟล์คสวาเกน ผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนี บริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐฯ และบริษัทเพกาตรอนจากไต้หวัน ผู้ประกอบชิ้นส่วนเครื่องไอโฟน
นักวิเคราะห์หลายคน รวมทั้งนางไอริส ปัง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศจีนของธนาคารไอเอ็นจีของเนเธอร์แลนด์ มองว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับประเทศจีนในขณะนี้คือ นโยบายสาธารณสุขที่เข้มงวดเกินไป โดยเฉพาะมาตรการล็อกดาวน์ศูนย์กลางอุตสาหกรรมของประเทศ เช่น นครเซี่ยงไฮ้ ในช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศจีนมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปัญหาภูมิศาสตร์ทางการเมืองเช่น สถานการณ์ในยูเครน ส่งผลให้มีการปรับราคาสินค้า รวมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น กระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน
ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจเติบโตร้อยละ 8.1 ในปีที่แล้ว ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนตั้งเป้าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 5.5 ในปีนี้ ต่ำสุดในรอบ 30 ปี
#ประเทศจีน
#เศรษฐกิจไตรมาสแรก