+++ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งให้ชะลอ เรื่องการออกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไปก่อน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในระยะยาว และไม่ให้กระทบต่อประชาชน เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว สถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ค่อยพร้อม และตอนนี้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยยังมีภาระอยู่ จึงอยากให้ชะลอไปก่อน โดยให้ไปศึกษาและดูว่าสิ่งต่าง ๆ ที่อาจมีการดำเนินการต้องไม่กระทบกับประชาชนในอนาคต ส่วนจะชะลอไปนานหรือไม่ จะต้องดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโดยรวมต่อไป โดยการชะลอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกไปก่อนนั้น ไม่เกี่ยวกับแรงกดดันหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเรื่องนี้เป็นการหารือภายใน มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมศึกษาเรื่องดังกล่าว ซึ่งกรอบที่ศึกษานั้นกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะศึกษาเรื่องโครงสร้างภาษีโดยรวม การปฏิรูปภาษีให้เหมาะสมกับอนาคต โดยศึกษาระบบภาษีของประเทศอื่น ๆ ว่าต่างจากระบบภาษีของประเทศไทยอย่างไร และประเทศไทยมีประสิทธิภาพในเชิงการเก็บภาษีและใช้จ่ายรายได้มากน้อยเพียงใด หากเทียบกับต่างประเทศ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรายงานให้ทราบเป็นระยะ แต่ยังไม่กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน
+++ด้านนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ระบุว่า จะส่งหนังสือชี้แจงว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจากกว่ากฎหมายไม่ได้มีผลบังคับใช้ทันที จะเริ่มจัดกับภาษีจริงปี 2560 จะพิจารณาช้าหรือเร็วก็ควรต้องดำเนินการ และยืนยันว่าควรต้องดำเนินการในรัฐบาลชุดนี้ ถามว่ามีกฎหมายแล้วทุกคนเดือดร้อน ก็เดือดร้อนกันหมด แต่กฎหมายยังไม่นิ่ง เช่น การให้สิทธิยกเว้นภาษี กระทรวงการคลัง ก็เร่งทบทวนว่าจะทำอย่างไรให้กฎหมายออกมาดีที่สุด แต่ถ้า นายกฯไม่เอา ก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม จะให้ยุติการพิจารณาภาษีที่ดินคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการเข้ามาทำงาน ก็มีหน้าที่ในการบริหาร และดูแลเรื่องการจัดเก็บรายได้ ที่ผ่านมาก็มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปภาษี เพื่อดูแลการจัดเก็บ ไม่ให้รั่วไหล เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอดูแลประเทศ โดยยอมรับว่าตัวเองมีท่าทีที่แข็งกร้าว แต่ก็มีความยืดหยุ่นในตัว ไม่ได้รู้สึกเสียใจหากนายกฯ จะสั่งให้ยุติเดินหน้าภาษีที่ดิน นอกจากนี้ ในอีก 2 สัปดาห์ กระทรวงการคลังจะมีมาตรการคลัง ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการดูแลให้มีเม็ดเงินไหลเวียนในระบบมากขึ้น ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณและมาตรการอื่นๆ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขณะเดียวกันในที่ประชุม ครม. วันที่ 17 มี.ค. เตรียมเสนอร่างแก้ไขพ.ร.บ.สรรพสามิต เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น
+++พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ 3 คนคือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการกองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของรัฐบาลชุดก่อนว่า ที่ประชุมฯมีมติพิจารณาเอกสารตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงกรณีการขายข้าวจีทูจี และมีมติ 9 เสียง ให้ไล่ออก 2 ข้าราชการ คือ นายทิฆัมพร และนายอัครพงศ์ ส่วนนายมนัส ที่ได้เกษียณอายุราชการไปก่อนหน้านี้ ให้ยุติจ่ายบำเหน็จบำนาญทันที หลังจากนี้จะส่งเรื่องฟ้องร้อง ทั้งคดีแพ่งและอาญาต่อไป อย่างไรก็ตามผู้ที่ถูกให้ออกจากราชการทั้ง2 คนสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับทราบคำสั่ง โดยให้ยื่นต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.)
+++นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช ) แถลงว่า ป.ป.ช.มีมติ 8 ต่อ 1 เสียงชี้มูลความผิดในคดีถอดถอนอดีต ส.ส.จำนวน 250 คน ที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. โดยแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก อดีต ส.ส.ที่ร่วมเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และลงมติในวาระที่ 1 , 2 และ 3 จำนวน 239 คน กลุ่มที่ 2 อดีตส.ส.ที่ร่วมเสนอญัตติและลงมติในวาระที่ 2 และ 3 จำนวน 1 คน และกลุ่มที่ 3 อดีต ส.ส.ที่ร่วมเสนอญัตติและลงมติในวาระที่ 1 และ 3 จำนวน 10 คน นายสรรเสริญ กล่าวว่า แม้รัฐธรรมนูญปี 2550 ได้สิ้นสุดไปแล้ว แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายเป็นเหตุให้อาจถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ โดย ป.ป.ช.จะส่งสำนวนและเอกสารหลักฐานไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.เพื่อให้ดำเนินการถอดถอนต่อไป
+++ส่วนที่ประชุมสนช.วันนี้ ลงมติไม่ถอดถอน อดีตส.ว. 38 คน ออกจากตำแหน่งจากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.โดยไม่ชอบ นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช.ให้ความเห็นกรณีสนช. มีมติด้วยเสียงไม่ถึงสามในหน้าของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภาฯให้ถอดถอนอดีตสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 38 คน คณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่าคณะกรรมการป.ป.ช.น้อมรับมติดังกล่าว โดยชี้ว่าตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542มาตรา65บัญญัติให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีอิสระในการออกเสียง
+++นายอเนก สมประเสริฐ ทนายความส่วนตัวของนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า นายสถาพร จะเข้าให้ปากคำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังมีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่า หลังจากที่ดีเอสไอ นัดเข้าให้ปากคำประเด็นเรื่องหุ้นบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ดีเอสไอต้องการให้ชี้แจงเรื่องการซื้อขายอัญมณีเพิ่มเติม ซึ่งไม่ได้มีการเตรียมเอกสารรายละเอียดต่างๆ มาชี้แจง ทำให้ดีเอสไอเลื่อนการสอบปากคำและนัดอีกครั้งในวันที่ 1 เม.ย. เวลา 09.30 น.
+++พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอส ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามสัญญาสัมปทานที่ บีทีเอส มีกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตั้งแต่ปี 2542 โดยค่าโดยสารขั้นต้นอยู่ที่ 10 - 40 บาท ปี 2550 มีการปรับขึ้นครั้งแรกอยู่ที่ 15-40 บาท และปี 2556 มีการปรับครั้งที่สอง ลักษณะการปรับราคาเป็นไปตามสัญญาสัมปทาน ที่ระบุไว้ว่า บีทีเอส สามารถที่จะปรับราคาขึ้นได้โดยแจ้งกับ กทม. และประชาชนรับทราบก่อนที่จะมีการขึ้นจริงเป็นเวลา 30 วัน รองโฆษกฯ ระบุว่า นายกฯกังวลเรื่องนี้ จึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ไปพูดคุยกับกทม. เพื่อให้เจรจากับบีทีเอสชะลอการขึ้นค่าโดยสารออกไปก่อน แต่หากการเจรจาไม่สำเร็จ ก็ขอให้ประชาชนเข้าใจ
+++พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมกับนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมลงนามบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย – จีน ครั้งที่ 3 ภายหลังการสรุปรูปแบบความร่วมมือการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ หรือ EPC พร้อมแบ่งหน้าที่ในการรับผิดชอบ โดยฝ่ายไทยจะรับผิดชอบในส่วนของการวางฐานราก และ Power supply ขณะที่จีน จะรับผิดชอบของเส้นทางบริเวณที่เป็นหุบเขา เนื่องจากจะต้องใช้เทคโนโลยีของจีน ส่วนด้านการเดินรถและการบำรุงรักษา จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนของ 2 ฝ่ายแบ่งการดำเนินการเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงแรกระยะปีที่ 1-3 จีนจะเป็นผู้ดำเนินการเดินรถ ช่วง 2 ระยะปีที่ 4-7 ไทย-จีน จะดำเนินการร่วมกัน และตั้งแต่ปีที่ 7 เป็นต้นไป ไทยจะรับเป็นผู้ดำเนินการ
+++บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น ไทย ปิดตลาดที่ 1,544.34 จุด เพิ่มขึ้น 0.50 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 43,225.03 ล้านบาท
+++นายอี จู-ยอล ผู้ว่าการธนาคารแห่งเกาหลี ( บีโอเค ) แถลงเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำคัญลงจากร้อยละ 2.0 ลงมาเหลือเพียงร้อยละ 1.75 ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบระยะเวลาเพียง 5 เดือน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะการชะลอตัวและป้องกันภาวะเงินฝืด อันเป็นผลสืบเนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างหนัก