*ปล้นเพชรบนมอเตอร์เวย์ ฝรั่งเศส/สหรัฐ-รัสเซีย สนับสนุนอาวุธในยูเครน/น้ำมันสำรองสหรัฐเพิ่มขึ้น/หอศิลป์ลอนดอนห้ามใช้ไม้เซลฟี่*

 *ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.

++++ตำรวจฝรั่งเศสรายงานว่า คนร้าย 15 คนสวมหมวกไหมพรมพร้อมอาวุธครบมือได้บุกปล้นเพชรมูลค่า 9 ล้านยูโรไปจากรถตู้บริษัทรักษาความปลอดภัย 2 คันที่บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางด่วน อวาลอนบนถนน เอ6 ใกล้เมืองโอแซร์ ห่างจากกรุงปารีสไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 220 กิโลเมตร เมื่อช่วงเที่ยงคืนวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น สื่อท้องถิ่นระบุว่า คนขับรถตู้ไม่ได้รับอันตราย ส่วนรถตู้ถูกพบในสภาพถูกเผาเสียหายทั้งคันไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์อยู่ระหว่างการตรวจสอบรถตู้ดังกล่าว นอกจากนี้ ตำรวจได้กระจายกำลังเจ้าหน้าที่ไปทำตรวจค้นย่านชุมชนในเมืองโอแซร์ เมืองเอกของจังหวัดอียอนและพื้นที่ใกล้เคียง ตำรวจคาดว่า หลังการก่อเหตุ คนร้ายอาจจะขึ้นรถยนต์หลายคันเพื่อหลบหนี มุ่งหน้าไปสู่กรุงปารีส รถตู้ดังกล่าวบรรทุกตู้บรรจุเพชร พลอยและงานศิลปะอื่นๆระหว่างกรุงปารีสกับเมืองเบอซองซง ทางภาคตะวันออกของฝรั่งเศส

++++กองกำลังร่วมระหว่างกองทัพอิรักและกลุ่มติดอาวุธอิสลามนิกายสุหนี่และชีอะห์ สามารถยึดคืนโรงพยาบาลทหารในเมืองทิกริต ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากทำเนียบประธานาธิบดี คืนจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) ได้แล้วเมื่อวันพุธ หลังจากพยายามปลดปล่อยเมืองแห่งนี้จากกลุ่มไอซิสมานานหลายสัปดาห์ การต่อสู้ช่วงแรก กลุ่มไอซิสระเบิดสะพานสำคัญใกล้เมืองทิกริตเพื่อขัดขวางไม่ให้กองกำลังร่วมใช่เพื่อข้ามแม่น้ำไทกริสเข้าสู่เมืองทิกริตจากทางทิศตะวันออก อย่างไรก็ตาม กองกำลังร่วมสามารถรุกคืบ กดดันให้กลุ่มไอซิสต้องล่าถอยจากแนวหน้าเข้าสู่ใจกลางเมืองมากขึ้นเรื่อย จนกระทั้งล่าสุดสามารถยึดคืนโรงพยาบาลทหารได้สำเร็จ ขณะเดียวกัน กลุ่มไอซิสในจังหวัดอันบาร์ ทางตะวันตกของอิรัก เปิดฉากโจมตีเมืองรามาดี จากทุกทิศทางด้วยนักรบกว่า 150 คน เมื่อช่วงเช้าวันพุธ โดยนาย ฟาเละห์ อัล-อิสซาวี รองประธานสภาปกครองจังหวัดอันบาร์กล่าวว่า เมืองแห่งนี้ต้องได้รับการสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอย่างเร่งด่วน แต่กองทัพอากาศส่งเครื่องบินมาโจมตีกลุ่มไอซิสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

+++สถานการณ์ในยูเครน นายเจนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต)ว่า รัสเซียยังคงติดอาวุธและฝึกอบรมให้แก่กองกำลังกบฏในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน เขาได้เรียกร้องให้รัฐบาลยูเครนและฝ่ายกบฏให้การร่วมมือแก่คณะผู้สังเกตุการณ์จากองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป(โอเอสซีอี) ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการหยุดยิงตามข้อตกลงที่ลงนามไว้ที่กรุงมินสก์ของเบลารุสเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์

+++อีกด้านหนึ่ง สหรัฐจะจัดส่งรถฮัมวี่ อากาศยานไร้คนขับ(โดรน) และอาวุธ “ป้องกันที่ไม่ร้ายแรง” มูลค่าราว75ล้านดอลลาร์สหรัฐ(2,400ล้านบาท)ให้กับรัฐบาลยูเครน รวมทั้งจะทำการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของกลุ่มกบฎที่ประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนโดเนสต์ในยูเครน ธนาคารพาณิชย์แห่งชาติรัสเซียและกลุ่มชาตินิยมรัสเซียเพิ่มอีกด้วย  แผนดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังรัสเซียส่งกำลังและอาวุธข้ามพรมแดนเข้าไปในยูเครนเพื่อสนับสนุนกลุ่มกบฎนิยมรัสเซีย

+++นางนาตาเลีย ยาเรสโก รมว.คลังยูเครน คาดหวังที่จะได้รับเงินช่วยเหลืองวดแรกจำนวน 5 พันล้านดอลลาร์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่ระยะ 4 ปีจาก IMF วงเงินรวม 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ IMF ประกาศข้อตกลงเบื้องต้นในการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวเมื่อเดือนที่แล้ว และคาดว่าคณะกรรมการ IMF จะอนุมัติมาตรการดังกล่าวในวันนี้

+++สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่น้ำมันเบนซินลดลง และน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น  สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 2.322 ล้านบาร์เรล ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 187,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล  สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.2  ด้านราคาน้ำมันดิบ ตลาดนิวยอร์ค เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ ที่ 48.34 เหรียญต่อบาร์เรล / ส่วนเบรนท์ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1เหรียญ 15 เซนต์ ที่ 57 เหรียญ 54 เซนต์ 

+++นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวในวันนี้ว่า การที่ ECB เข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่เริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ได้ช่วยสกัดผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในกรีซ มิให้ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยูโรโซน

+++นายเอวัลด์ โนวอตนี สมาชิกสภาบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า กรีซจะได้ประโยชน์น้อยมากจากการออกจากยูโรโซน  นายโนวอตนียังระบุว่า หากกรีซออกจากยูโรโซน จะส่งผลให้รายได้ของประเทศลดลงอย่างมาก และมีเพียงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์ ขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆต่างได้รับผลกระทบ การที่กรีซหลุดจากยูโรโซน โดยมีสกุลเงินเป็นของตนเอง แต่มีค่าลดลงอย่างมาก จะส่งผลให้ราคาสินค้าพุ่งขึ้น การเจรจามาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซมีขึ้นในวันนี้ โดยคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคจากกรีซเปิดการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจที่กรุงบรัสเซลส์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพยุโรป (EU), ECB และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

+++ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 27.55 จุด ปิดที่ 17,635.39 จุด ส่วนราคาทองคำปรับขึ้น 3 เหรียญ 80 เซนต์ ที่ 1,154 .40 เหรียญ ต่อ ออนซ์

+++นายกัง ซิน-มยอง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้   จะจัดกำลังตำรวจไปอารักขาความปลอดภัยของทูตต่างชาติประจำเกาหลีใต้ แม้ว่าจะไม่มีการร้องขอมา เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ทูต มี 8 ชาติที่ร้องขอให้ตำรวจคอยอารักขาความปลอดภัยให้แก่เอกอัครราชทูต หลังเกิดเหตุคนร้ายคือ นายคิมคีจอง ใช้มีดปอกผลไม้บุกกรีดใบหน้าและแขนของนายมาร์ก ลิปเพิร์ต เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำเกาหลีใต้เมื่อวันพฤหัสบดีก่อน

+++นายเลียว เตียงไล รัฐมนตรีคมนาคมของมาเลเซียว่า รัฐบาลมาเลเซียได้ใช้จ่ายงบประมาณแล้วราว 79,031,905.76 ล้านริงกิตมาเลเซียหรือ 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อการค้นหาเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่สูญหาย

++++บรรษัทกระจายเสียงเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า ประชาชนได้ร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 4 ปีของเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่พัดถล่มแถบชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 รัฐบาลกล่าวว่าในปัจจุบัน ประชาชนเกือบ 230,000 คนยังคงอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว รัฐบาลวางแผนจะตั้งโครงการที่พักอาศัยรวม 3 หมื่นยูนิตไว้สำหรับรองรับผู้ไร้ที่พักอาศัย แต่ที่ผ่านมาการก่อสร้างในโครงการนั้นคืบหน้าเพียงร้อยละ 19 เท่านั้น สำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ ที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติภัยนับว่าสร้างภาระแก่รัฐมากที่สุด ในปัจจุบัน คนงานบริษัทโตเกียว อิเลคทริก พาวเวอร์(เทปโก) ผู้บริหารโรงไฟฟ้าพยายามจะแก้ปัญหาน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสี ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นประเมินว่าอาจจะใช้เวลาราว 40 ปีจึงจะปลดระวางโรงไฟฟ้าดังกล่าว ขณะนี้หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าอาจจะต้องเลื่อนระยะเวลาไปอีก สำหรับภารกิจสำคัญที่สุดคือ การกำจัดกากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์

+++หอศิลป์แห่งชาติของกรุงลอนดอน ประกาศห้ามนำไม้เซลฟีเข้าไปภายใน เดินตามรอยพิพิธภัณฑ์หลายแห่งทั่วโลกที่เกรงว่ามันอาจจะเป็นอันตรายแก่นักท่องเที่ยวคนอื่นๆและงานศิลปะ โดยระบุว่า  หอศิลป์แห่งชาติ อนุญาตให้ถ่ายภาพสำหรับบุคคล ที่ไม่ใช่จุดประสงค์ด้านการค้า" หอศิลป์แห่งชาติแห่งนี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์หลักแห่งแรกของลอนดอนที่ห้ามไม้เซลฟี แต่ในประเทศอื่นๆได้มีการห้ามไม้เซลไฟไปก่อนหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนในกรุงวอชิงตันและพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่นครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ และหอศิลป์แห่งชาติออสเตรเลียในกรุงแคนเบอร์รา  โดยการใช้ไม้เซลฟี่ในพิพิธภัณฑ์ นอกจากเสียมารยาท ยังถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น เพราะแต่ละคนเมื่อเข้าไปภายในก็พยายามจะศึกษาและชื่นชมผลงานต่างๆ อย่างเต็มที่ แต่ในเวลาที่มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก อุปกรณ์ช่วยเสริมอันมีความยาวมากนี้มักจะไปรบกวนผู้อื่น  ขณะเดียวกันความยาวของไม้ที่ว่ายังเสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายให้กับผลงานจัดแสดง รวมทั้งยังเป็นอุปกรณ์ในหมวดหมู่เดียวกับ "ขาตั้งกล้อง" ทั้งแบบ 3 ขา และขาเดี่ยว ซึ่งล้วนเป็นของต้องห้ามสำหรับพื้นที่ในพิพิธภัณฑ์อยู่แล้ว