การระบาดของไวรัสโอไมครอนในสหรัฐฯ ทำให้ผู้ประกอบการเอกชน และสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯเช่น บริษัทแอเกิ้ล (Aegle) ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยจากรัฐเท็กซัส และสถาบันวิจัยอุปกรณ์ชีวการแพทย์ มหาวิทยาแมรีแลนด์เริ่มให้ความสนใจในเรื่องการพัฒนาและวิจัยหน้ากากอนามัยรุ่น N95 ที่เหมาะกับเด็ก เช่น การออกแบบหน้ากากอนามัยให้มีขนาดเล็กเหมาะกับใบหน้าของเด็ก เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 อีกทั้งช่วยกระตุ้นความสนใจให้หน่วยงานควบคุมกฎระเบียบหน้ากากอนามัยของสหรัฐฯให้เข้ามาควบคุมมาตรฐานการผลิตหน้ากากอนามัยสำหรับเด็กด้วย
ปัจจุบัน สถาบันความปลอดภัยและอนามัยในการทำงานแห่งชาติ(NIOSH) สังกัดศูนย์ควบคุมและโรคติดต่อ(CDC)ของสหรัฐฯ ในฐานะหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบเรื่องหน้ากากอนามัย ให้การรับรองเฉพาะหน้ากากอนามัยรุ่น N95 สำหรับคนวัยผู้ใหญ่ว่า มีมาตรฐานที่สูงในการป้องกันโรคและเป็นหน้ากากอนามัยที่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯแนะนำในเดือนมกราคมให้ประชาชนในสหรัฐฯใช้ระบุว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโอไมครอน
แต่สำหรับหน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก สถาบัน NIOSH ยังไม่เคยจัดทำกฎระเบียบควบคุมมาตรฐานการผลิตมาก่อน ทำให้บรรดาผู้ปกครองที่ใส่ใจต่อสุขภาพของลูกๆหันไปซื้อหน้ากากอนามัยขนาดเล็กที่ผลิตสำหรับเด็ก โดยสั่งซื้อหน้ากากอนามัยรุ่น KF94 จากเกาหลีใต้ หรือหน้ากากอนามัยรุ่น N95 จากประเทศจีน
แม้ว่าในปัจจุบัน หลายรัฐและโรงเรียนในสหรัฐฯยกเลิกกฎระเบียบให้นักเรียนสวมหน้ากากอนามัยในชั้นเรียน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ รวมทั้ง ดร.สตีฟ ครู๊ก ประธานสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐฯระบุว่า เด็กๆยังจะต้องสวมหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพสูง เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในปัจจุบันและโรคติดต่อใหม่ๆในอนาคต รวมทั้งป้องกันโรคไข้หวัดตามฤดูกาลและเชื้อไวรัสจากระบบทางเดินหายใจ(RSV)ซึ่งอาจจะทำให้คนไข้ป่วยหนักจนถึงเสียชีวิต
#สหรัฐฯ
#หน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก